'ทำในสิ่งที่รัก'สูตรสำเร็จธุรกิจชา ซี ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์

'ทำในสิ่งที่รัก'สูตรสำเร็จธุรกิจชา ซี ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์

สวมบทบาทฐานะ 'นักแสดง' มากว่า 10 ปี ตัวจริง'ซี ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์' คือนักธุรกิจหนุ่มลุยตลาด 'เครื่องดื่มชา' มีแรงบันดาลใจจากความชอบ

เป็นลูกหลานเลือดมังกร ที่มีหัวการค้าไม่ต่างจาก ปู่ ย่า ตา ยาย ที่เป็นนักธุรกิจ จึงไม่แปลกที่นักแสดงหนุ่มดีกรี “พระเอก” วิกหมอชิต อย่าง “ซี ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์” จะเดินรอยตาม

ก่อนหน้านี้ เขาร่วมทุนกับเพื่อนๆ ทำร้านอาหาร ร้านตัดผมมาแล้ว

ทว่า ก้าวใหม่ คือการกระโจนเข้าสู่ “ตลาดปราบเซียน" อย่าง “ชาพร้อมดื่ม”  ที่ห้ำหั่นกันสุดฤทธิ์ ฟาดฟันทั้งเม็ดเงิน กลยุทธ์การตลาด 

แต่นั่นไม่ได้เป็นกำแพงกั้นความฝันของผู้ชายคนนี้ !

ยิ่งมีเพื่อนนักธุรกิจคอเดียวกันที่“ชอบดื่มชา” อย่าง “โอ๊ต วีรชาญ บรรณวิรุฬห์” และ “หม่ำ ภูดิท มะโนทัย” มาร่วมลงขันและนั่งเป็น “กรรมการผู้จัดการร่วม” บริษัท โอวชา จำกัด ปั้นแบรนด์ “โอวชา- OwCha”  กันสักตั้ง !!

หลังจากสรรหาชาดีมีคุณภาพทั้งในและต่างแดนเพื่อ “ลิ้มรส” กันมานาน จนเกิดไอเดียสร้างสรรค์แบบทีเล่นทีจริงว่า “ควรจะทำเป็นธุรกิจเลยดีไหม” แต่ที่ผ่านมาคิดแบบวัยรุ่น “ชิลๆ” ไปหน่อย เลยไม่คลอดโปรดักท์ออกมาเสียที

2 ปีผ่านไปกระทั่งก่อนงานแต่งเจ้าตัวกับเจ้าสาว “เอมี่ กลิ่นประทุม” หนุ่ม “ซี” เลยลั่นจะขอทำธุรกิจนี้อย่างจริงจัง 

3 เดือนของการระดมสมองกับเพื่อนโอ๊ต หม่ำ และเอมี่ คิดค้นออกแบบผลิตภัณพ์ สรรหาโรงงานผลิตสินค้า เพื่อแจ้งเกิดผลิตภัณฑ์ชาขาวพร้อมดื่มพาสเจอไรส์ รสเมล่อน รายแรกในประเทศ ภายใต้แบรนด์ “โอวชา”

ก่อนจะแจกจ่ายโปรดักส์ใหม่ให้บรรดาสื่อและแขกที่มาร่วมงานแต่งวันที่ 8 มิ.ย.57 ได้ทดลองชิมเป็นครั้งแรก

“ออกสื่อครั้งแรก ในงานแต่งผมเลย ให้พี่ๆสื่อลองชิมให้หน่อย เพราะผมไม่มีเงินทำการตลาดมากนัก แล้วถามพี่ๆสื่อว่า ถ้าพี่ชอบ ผมทำต่อเลย”ศิวัฒน์ ที่ปัจจุบันนั่งตำแหน่ง กรรมการบริหาร บริษัท โอวชา จำกัด เล่าก่อนจะขยายความว่า ได้ยื่นโอวชาให้บรรดากระจอกข่าวที่ไปร่วมงานแต่งลิ้มลอง"เอาจริงนะ..อร่อย !” คือประโยคจากผู้บริโภคกลุ่มเล็กๆบอกเล่ากลายเป็นแรงผลักให้เขาเดินหน้าลุย

งบ 7 ล้านบาท ที่ทุ่มไปกับการผลิต และอีก 5-10 ล้านบาท เพื่อทำการตลาด ซึ่งงบอย่างหลัง เจ้าตัวหันไปสบตากับหนุ่มโอ๊ต-หม่ำที่มองหน้าพร้อมตั้งคำถามว่า “ขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ส่วนกลยุทธ์การตลาดที่ใช้สร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) หนุ่มซีนำเสนอตัวเองพร้อมภรรยา เป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมให้เพื่อนพ้องในวงการช่วยโปรโมทสินค้าให้อีกแรง

งานนี้โชคดีได้ศรีภรรยา “เอมี่” ทำหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์ และรุกช่องทางการตลาดออนไลน์แบบเต็มสูบ

ล่าสุด เมื่อได้ช่องทางจำหน่ายที่เป็นร้านสะดวกซื้อ “เบอร์1” อย่าง “เซเว่นอีเลฟเว่น” เป็นหน้าร้านให้ โปรดักส์จึงเปิดตัวสู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการ หลังทำการตลาดแบบกองโจรสลัดมากเกือบปี จำหน่ายสินค้าผ่านห้างค้าปลีกอย่างแม็กซ์แวลู ออกบูธงานแสดงสินค้าต่างๆ เป็นต้น

ทว่า..เมื่อต้องต่อกรกับ “บิ๊กเนม” ในวงการเครื่องดื่ม ประเด็นนี้ เขาแจกแจงว่า ตั้งแต่ตัวสินค้าที่ขอเป็น niche market ชูการเป็นแบรนด์ “ชาพาสเจอร์ไรส์” รายแรกในตลาด จุดเด่นทั้งคุณภาพ รสชาติ ความสดชื่น ถึงขั้นการันตีว่าเหมือนชาที่ต้มดื่มเอง โดยคุณค่าชายังอยู่ครบ

“เราชอบดื่มชามาก (เสียงสูง) จึงใส่ใจคุณภาพ กลิ่น และชาของเราไม่ได้ต้มจากผงชา แต่มาจากใบชาจริงๆ นี่เป็นจุดแข็ง” เขาเล่าและย้ำว่า 

“แม้เราจะเป็นบริษัท Underdog (เบอร์รอง) น้องใหม่ แต่ก็มั่นใจในรสชาติและความสด หอมของชา”

ขวากหนามธุรกิจนี้ยังมีค่อนข้างมาก เพราะในฐานะน้องใหม่ที่ไม่มีทั้ง Backward และ Forward ที่ปึ้กนัก ความยากคือชาพาสเจอร์ไรส์ ที่อายุสินค้า(เชลฟ์ไลฟ์) สั้นราว 90 วันที่จะส่งผลต่อยอดขายและต้นทุน แต่เขากลับเล่าปนรอยยิ้มว่า..

“แม้อุปสรรคจะหนักมากที่สุดในโลก แต่มันคือโมเมนต์ (ช่วงเวลา) ที่มีความสุขทุกครั้งที่คุยกัน วินาทีแรกที่ทำธุรกิจนี้ เหนื่อย เบื่อ เซ็ง แต่มันคือความท้าทาย และผมถูกสอนว่าถ้าทุกอย่างมันง่าย ก็ไม่ต้องมีเรา ถ้าทำอะไรได้ง่ายๆ ทุกคนคงเป็นเศรษฐีหมดแล้ว” เขาจึงพร้อมสั่งสมชั่วโมงบินในแวดวงธุรกิจโดยมีความสำเร็จเป็นเป้าหมาย     

การทำงานปั้นแบรนด์โอวชาในครั้งนี้ ยังสะท้อนความทุ่มเทของนักแสดงหนุ่ม จากปกติทำอะไรก็จะบ้าพลังอยู่แล้ว แต่เกมนี้ “ซี” บอกว่า เขาให้เกินร้อย ชนิดที่หยิบยกคำสอนของครอบครัวมาเล่าว่า 

“การทำงานจะต้องทำให้เกินเงินเดือน ได้ค่าจ้าง 100 บาท ไม่ใช่ทำแค่ 90 บาท แต่จะต้องทำให้ได้ 200-300 บาทไปเลย ทำงานเพื่องาน ไม่ใช่เพื่อเงิน”

แต่จะไม่ถามเรื่องเงินคงไม่ได้ ผ่านไปเกือบปีของการทำตลาดจริงจัง ยอดขายเป็นยังไง.. เจ้าตัวเล่าว่า เป้าหมายขั้นแรกคือการมียอดขายที่ “จับต้องได้” ในระดับพอใจ คือตัวเลขกลมๆ 50 ล้านบาท ไม่มากเกินไปแบบต้องมานั่งลุ้นยอดขายหืดขึ้นคอ 

ส่วนระยะยาวเป้าหมายที่อยากเห็นคือการมี “โรงงานผลิตสินค้า" เป็นของตัวเอง และจุดหมายที่ตั้งไว้จะสำเร็จดังหวังไหม การออกสตาร์ทวันนี้ก็พอจะทำให้เห็นสัญญาณบวกอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย

“จริงอยู่ที่เราไม่สามารถก้าวกระโดดไปข้างหน้าได้เลย แต่นี่ก็ถือเป็นก้าวเล็กๆที่มีความมั่นคง”

--//--

 สูตรคิด "คนรุ่นใหม่" 

4 หนุ่มสาวรุ่นใหม่ ลงขันเงินรุกธุรกิจชา โดยแบ่งหุ้นเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน ต่างคนต่างมีไอเดียที่จะนำพาธุรกิจไปสู่เส้นชัยให้ได้สักวัน เพื่อนซี้นักธุรกิจ “โอ๊ต วีรชาญ บรรณวิรุฬห์” กรรมการผู้จัดการร่วม ผู้ปิ๊งไอเดียชื่อแบรนด์โอวชา ที่มีรากศัพท์จากภาษาจีน แปลว่า King of Tea หรือ “ราชาแห่งชา” เล่าสูตรการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จว่า.. 

“ต้องคิดแล้วลงมือทำทันที” และมองอุปสรรค หลุมหล่มข้างหน้าให้มากเข้าไว้ ที่เหลือคือลงสนามแล้วก้าวข้ามไปให้ได้

เมื่อธุรกิจมีหุ้นส่วนหลายราย สิ่งที่ต้องทำอีกอย่าง คือ “การสื่อสาร”ทุกอย่าง จะต้องชัดเจน เพื่อให้การทำงานราบรื่น

“หม่ำ ภูดิท มะโนทัย” อีกหนึ่งกรรมการผู้จัดการร่วม พูดประโยคสั้นๆว่า ความสำเร็จมักจะเกิดจาก การทำในสิ่งที่ชอบ และเชื่อในสิ่งที่ผลิตมาจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคว่า สิ่งนั้น “ดีจริงๆ”

“เอมี่ กลิ่นประทุม” ภรรยาสาวสวยที่ทำหน้าที่คุมทัพประชาสัมพันธ์โอวชา บอกว่า การทำธุรกิจจะต้องเริ่มจากความรักความชอบ เพื่อให้ทำงานได้เต็มที่ และเดินหน้าไปได้ด้วยดี หากฝืนตัวเองเมื่อไหร่อาจลำบาก การทำธุรกิจต้องเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เรื่อยๆ และหากเจอปัญหาจะต้องไม่ท้อถอย หรือหมดกำลังใจ แม้ธุรกิจนี้จะ “ท้าทาย” และแปลกใหม่สำหรับนักแสดงอย่างเธอมากๆ ชนิดที่ต้องลองผิดลองถูกอยู่เสมอ “สเต็ปนี้สำหรับเอมี่ยิ่งใหญ่มาก เพราะทำเองทุกอย่างจากเมื่อก่อนเป็นพรีเซ็นเตอร์ ไม่ได้ลงดีเทลขนาดนี้”