ผู้ค้าสลากชี้รัฐให้ขายล็อตเตอรี่80บ. ทำลายอาชีพคนจน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล พบว่า บรรยากาศไม่คึกคักเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ภายหลังรัฐบาลมีการเตรียมออกระเบียบ และควบคุมปัญหาขายเกินราคา โดยที่ผ่านมายังพบว่าในพื้นที่ อ.เบตง ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลที่เร่ขาย ยังขายในราคาใบละ 120 บาท เนื่องจากไม่สามารถขาย 80 บาท ได้ เพราะต้นทุนรับมา ประมาณ 110 บาท ถึงแม้รัฐบาลจะประกาศนโยบายแก้ไขปัญหาแต่ไม่สามารถทำการขายตามราคาจริงได้

ขณะเดียวกันชาวบ้าน บางส่วนที่ยึดอาชีพขายสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยเฉพาะผู้ขายเร่ ซึ่งเดินทางเข้ามาขายใน อ.เบตง เป็น ชาวบ้านจากจังหวัดพิษณุโลก ที่ยึดอาชีพขายสลากกินแบ่งรัฐบาล มานานกว่า10 ปี และมีชาวบ้านยึดเป็นอาชีพ มากกกว่า 100 ครัวเรือนที่ จ.พิษณุโลก แต่หลังทราบข่าวชาวบ้านต่างรู้สึกกังวลและบางคนก็หันไปหาอาชีพอื่นแทน เพราะหากรัฐบาลปรับลดราคาลง แต่ไม่เพิ่มโควต้าให้ผู้เร่ขาย คงอยู่กันไม่ได้และเชื่อว่า การประกาศของรัฐบาล จะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของชาวบ้าน รวมถึงผู้ค้าทั่วไป อีกทั้งรายได้ก็จะลดลง และยังเป็นการทำลายอาชีพคนหาเช้ากินค่ำ คนยากจน ด้อยโอกาส ที่หารายได้หลักจากอาชีพขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ถือเป็นการแก้ไขปัญหาปลายเหตุ เพราะปัญหาราคาแพงมาจากการจำหน่ายของเอเย่นที่รับมาจากกองสลาก พร้อมวอนรัฐบาลทบทวนโควต้าเพิ่มขึ้นและหาทางแก้ไขที่ดีกว่านี้

ด้าน น.ส.ศุลีพร แซ่อึ้ง อายุ 45 ปี แม่ค้าขายล็อตเตอรี่ในตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง กล่าวว่า หลังทราบข่าวทางรัฐบาลจะมีการประกาศขายล็อตเตอรี่ ในราคา 80 บาท รู้สึกไม่สบายใจ เพราะจะเป็นการทำให้รายได้คนขายล็อตเตอรี่ลดลงอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองเบตงมีผู้จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวน 10 รายและ ขายมากว่า 20 ปี เลี้ยงครอบครัว แต่หากมีการปรับราคาแบบนี้เพื่อแก้ไขปัญหาราคาแพง คิดว่าไม่ถูกทางแน่นอน และยังเป็นการทำลายอาชีพคนจน คนด้อยโอกาส ฝากทบทวนแก้ไข เพราะปัญหาจริงๆ ของล็อตเตอรี่แพง มาจากตัวแทนจำหน่ายที่รับมาจากกองสลากและในพื้นที่ อ.เบตง ยังขายที่ 90 – 95 บาท เพราะรับมา 110 บาทแล้ว ไหนจะมีค่าเดินทางไปรับล๊อตเตอรี่ที่ตัวจังหวัดยะลา ค่าเช่าแผง จึงอยากให้เห็นใจคนทำอาชีพนี้ด้วยและหากมีความเป็นไปได้อยากขอโควต้าเพิ่มขึ้นจากคนละ 5 เล่ม ที่จะเริ่มในงวดวันที่ 16 มิ.ย.นี้เป็นคนละ 15 เล่ม ถึงจะอยู่ได้