EGCO - ซื้อ

EGCO - ซื้อ

โดดเด่นกว่ากลุ่ม

ยังมีแนวโน้มเติบโตจากกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้น

ยังคงเป็นโรงไฟฟ้าที่เราชอบมากที่สุด จากกำลังผลิตที่จะเพิ่มขึ้นอีก 25% ภายในปี 2563 จากปัจจุบันที่มีกำลังผลิตอยู่ที่ 3,767 เมกะวัตต์ โดยในปี 2558 โรงไฟฟ้าขนอมใหม่ (KN4) ขนาดผลิต 930 เมกะวัตต์ จะเริ่มผลิตไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าขนอมเดิม (KN2&3) ที่หมดสัญญา และโรงไฟฟ้าลม (CWF) ด้านกลุ่มโรงไฟฟ้า Cogeneration (TP SK และ TJ Cogen) กำลังผลิตรวม 327 เมกะวัตต์จะเริ่มผลิตในปี 2559 ขณะที่โครงการในต่างประเทศของ EGCO จะเริ่มผลิตไฟฟ้าในปี 2562 ได้แก่ โรงไฟฟ้าถ่านหิน โครงการ SBPL ในประเทศฟิลิปปินส์ ขนาด 455 เมกะวัตต์ (EGCO ถือหุ้น 49%) และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ โครงการไซยะบุรี ในประเทศลาวขนาด 1,280 เมกะวัตต์ (EGCO ถือหุ้น 12.5%) หนุนการเติบโตในระยะยาว ทำให้เราคาดหมายจะเห็นกำไรสุทธิที่ทำสถิติใหม่ต่อเนื่องในช่วง 2 – 3 ปีข้างหน้า

แผนขยายการลงทุนต่างประเทศเดินหน้า

EGCO ประกาศข่าวการได้สัญญาขายไฟฟ้า (PSA) จากรัฐบาลฟิลิปปินส์ ในโรงไฟฟ้าถ่านหินโครงการ SBPL โดยสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาขายไฟฟ้าให้แก่ Manila Electric (MERALCO) เป็นเวลา 20 ปี โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ภายในปี 2562 แม้จะล่าช้ากว่าที่บริษัทคาดหมายไว้แต่เรามองยังมองเป็นปัจจัยบวกต่อ EGCO โดยโครงการดังกล่าวจะหนุนการเติบโตของ EGCO ในระยะยาว ขณะที่เราประเมินว่าบริษัทจะมีมูลค่าเหมาะสมเพิ่มจากโครงการดังกล่าว 6 บาท (สมมติฐาน IRR 12%) โดยมูลค่าเหมาะสมปัจจุบันเรายังไม่ได้รวมมูลค่าจากโครงการดังกล่าว

ปรับกำไรปี 58 ลงเล็กน้อย

เราปรับกำไรสุทธิปี 2558 ลง 6% เหลือ 7.5 พันล้านบาท สะท้อนกำไรสุทธิ 1Q58 ที่ต่ำกว่าคาด เนื่องจากการรับรู้รายได้ในโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ต่ำกว่าคาด และการหยุดซ่อมนอกแผนของ BLCP หน่วยผลิตที่ 1 แม้โครงการดังกล่าวจะสามารถกลับมาชดเชยจำนวนชั่วโมงการผลิตได้ใน 2H58 ก็ตาม แต่รายได้จะลดลงเนื่องจากอัตราค่าไฟฟ้าในช่วงต้นปีมีอัตราที่สูงกว่า 2H58 (High season ของการใช้ไฟฟ้า) แม้เราเชื่อว่ากำไรสุทธิ 2Q58 จะฟื้นตัว เนื่องจากโรงไฟฟ้าที่หยุดซ่อมตามแผนจะกลับมาเดินเครื่องตามปกติ แต่การฟื้นตัวยังถูกจำกัดเนื่องจาก โรงไฟฟ้า BLCP ยังมีหยุดซ่อมในหน่วยผลิตที่ 2 เป็นเวลา 22 วัน การปรับลดประมาณการดังกล่าวกระทบมูลค่าเหมาะสม 2 บาท เหลือ 175 บาท

แต่ยังคงเด่นกว่ากลุ่ม

เราเชื่อว่า Bidding IPP จะไม่เกิดขึ้นใน5 ปีข้างหน้า หลังPDP2015 ใหม่ปรับลด Demand ไฟฟ้าลง ขณะที่ปริมาณสำรองยังสูงแต่ยังมีความต้องการเพิ่มสัดส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหิน แม้ส่วนใหญ่จะเป็นโรงไฟฟ้าของ กฟผ.แต่มีความเป็นไปได้ให้เอกชนเข้าร่วมพัฒนาโครงการ ขณะที่ราคาหุ้นยังคงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าในประเทศ โดยปัจจุบัน EGCO ซื้อขายอยู่ที่ 10.7xPE15 และ 1.0xPBV15 ต่ำกว่าอุตสาหกรรมที่ 15.9xPEและ 1.5xPBVและให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 4.4% (ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนเงินปันผลของกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าอยู่ที่ 3.8%)