40 ส.ว.ประสานเสียงให้ส.ว.มาจากสรรหา200คน

สนช.เปิดเวทีชำแหละร่างรธน. ค้านนายกฯคนนอก ยกเว้นประเทศเกิดวิกฤต ขณะที่สนช.สายกลุ่ม 40 ส.ว.ประสานเสียงให้ส.ว.มาจากสรรหา 200 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ทำหน้าที่เป็นประธานการประขุมเพื่อพิจารณารับฟังความเห็นของสมาชิก สนช. เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญโดยนายพรเพชร ชี้แจงว่าการประชุมนี้ก็เพื่อรับฟังความเห็นของสมาชิกสนช.เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา36ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว แม้จะไม่มีผลผูกพันให้คณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ ต้องรับฟังความเห็นของสนช. แต่ตนเห็นว่า เรื่องรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญที่สมาชิก สนช. ให้ความสนใจ และขอเสนอความเห็นเพื่อให้ กมธ.ยกร่างฯ รับทราบ เพื่อนำไปพิจารณาเพื่อปรับปรุงรัฐธรรมนูญให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามการเสดงความเห็นของสมาชิกจะต้องเป็นประโยชน์ และเป็นประเด็นที่สำคัญในกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยเจ้าหน้าที่จะรวบรวมความคิดเห็น โดยเฉพาะความเห็นที่สอดคล้องกัน จะได้ถูกบันทึกไว้ในรายงาน เมื่อจัดทำรายงานเสร็จก็จะรีบส่งไปให้กมธ.ยกร่างฯ พิจารณาต่อไปจากนั้นที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้สมาชิกสนช.ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญโดยกำหนดประเด็นที่ให้แสดงความเห็นไว้10ประเด็น อาทิ ที่มานายกรัฐมนตรี ที่มาส.ส. และที่ส.ว. ระบบเลือกตั้ง รูปแบบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บทเฉพาะกาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศการอภิปรายให้ความเห็นของสนช.เป็นไปอย่างจืดชืดมีสมาชิกสนช.เพียงไม่กี่คนสลับกันขึ้นมาให้ความเห็นในประเด็นต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอดีต 40 ส.ว. นักวิชาการ อาทิ นายสมชาย แสวงการ น.พ.เจตน์ ศิรธรานนท์ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน ในขณะที่สนช.สายทหาร ไม่ค่อยมีผู้ลุกขึ้นมาอภิปรายแสดงความเห็นมาก ทั้งนี้ในประเด็นที่มานายกรัฐมนตรีนั้น สนช.หลายคนอาทิ นายสมพร เทพสิทธา นายนิพินธ์ นราพิทักษ์กุล นายมณเฑียร บุญตันเห็นด้วยที่เปิดช่องให้มีนายกฯคนนอก แต่ต้องใช้ในช่วงที่บ้านเมืองเกิดวิกฤตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และควรนำไปเขียนไว้ในบทเฉพาะกาล ไม่ควรเขียนเป็นหลักการในร่างรัฐธรรมนูญ
ส่วนประเด็นที่มาส.ว.นั้น สนช.กลุ่ม 40 ส.ว.อภิปรายในทิศทางเดียวกัน ว่า ควรมาจากการสรรหาทั้งหมด เนื่องจากส.ว.สรรหาที่ผ่านมาทำหน้าที่ถ่วงดุลฝ่ายบริหารได้พอสมควร แต่ไม่ควรให้มีอำนาจมากมายเกินไป อาทิ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อภิปรายถึงเรื่องอำนาจของส.ว.ว่า การให้ส.ว.มีส่วนร่วมในการตรวจสอบประวัติของครม.นั้น เห็นว่า เป็นการให้อำนาจนิติบัญญัติไปก้าวก่ายฝ่ายบริหาร เปิดช่องให้ส.ว.มีอำนาจเหนือกว่ารัฐมนตรี เป็นช่องทางให้ต่อรองเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองในการวิ่งเต้นหาบุคคลเข้ารับตำแหน่งในหน่วยงานรัฐ และของบประมาณสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐ ตลอดจนไม่ควรให้ส.ว.มีอำนาจในการเสนอกฎหมาย ควรให้เป็นหน้าที่ของส.ส.อย่างเดียว ส่วนอำนาจการถอดถอนของส.ว.นั้น ควรมีการเปลี่ยนแปลง โดยให้ส.ว.มีอำนาจถอดถอนเฉพาะคนที่ส.ว.เห็นชอบให้เข้าดำรงตำแหน่งเท่านั้น ส่วนบุคคลอื่นๆให้ส่งให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยทั้งนี้เห็นว่า เรื่องที่มาส.ว.นั้น ควรให้เป็นส.ว.สรรหาทั้ง 200 คน เนื่องจากส.ว.สรรหาที่ผ่านมาทำหน้าที่ถ่วงดุลฝ่ายบริหารได้พอสมควร
นายสมชาย แสวงการ สนช. กล่าวว่า การเลือกตั้งส.ว.ครั้งที่แล้วมีคนใช้เงินถึง 100 ล้านบาท คำนวณเงินเดือนอย่างไรก็ไม่พอ อีกทั้งการเลือกประธานวุฒิครั้งที่แล้วมีการใช้เงินเลือกตั้ง หลักฐานอยู่ที่ตน มีรูปถ่ายมีวีดีโอวงจรปิดครบ ทำในห้องรับรองกาแฟลานจอดรถ หิ้วถุงเงินแจกกันในสภาร่วมมือกันผลักดันกม.นิรโทษกรรม ฯ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 22 พ.ค.57 เป็นเหตุให้ยุบวุฒิสภาในวันที่ 24 พ.ค.57ถามว่าวันนี้ถ้าจะเอาส.ว.เลือกตั้ง100% ตนคิดว่าภารกิจหน้าที่ไม่ใช่ ดังนั้นส.ว.ถ้ามาจากการเลือกตั้งไปไม่ได้ เพราะยังมีฐานคะแนนเดียวกันอยู่ แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกตั้งอาจจะรับได้ แต่ถ้าจะเอาแบบปลาสองน้ำเป็นไปไม่ได้ ส.ว.เลือกตั้งและสรรหาชุดที่แล้วตนอยู่ด้วย เรียนตรงๆเข้าหน้าไม่สนิทกันหลังจากเหตุการณ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพราะฉะนั้นตนขอเสนอให้กลับไปใช้ระบบอังกฤษให้วุฒิสภามาจากการสรรหา 200 คน โดยแบ่งกลุ่มอาชีพให้ชัดเจน
น.พ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สนช. อภิปรายว่า กมธ.ยกร่างฯ นำระบบเลือกตั้งเยอรมันมาใช้แบบครึ่งๆกลางๆ เอามาไม่หมดแต่นำมาผสมเป็นแบบไทยๆ ห่วงว่า อาจมีปัญหาภายหลัง เช่น การให้คิดคะแนนแบบบัญชีรายชื่อให้ทุกพรรค เกรงว่า จะทำให้มีพรรคเล็ก พรรคน้อยมากเกินไป จนคุมไม่อยู่ จะเละ ดังนั้นไม่ควรคิดคะแนนให้พรรคการเมืองที่ได้คะแนนจากประชาชนไม่ถึง 5% ส่วนที่ให้กลุ่มการเมืองลงสมัครเลือกตั้งได้นั้น ไม่เห็นด้วยเพราะทำให้พรรคการเมืองไม่สามารถพัฒนาเป็นสถาบันทางการเมืองได้และเห็นด้วยที่ส.ส.ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง เพื่อให้มีความเป็นอิสระในการทำงาน แม้จะลาออกจากพรรค ก็ยังเป็นส.ส.ต่อไปได้หวังว่า สิ่งที่เสนอไปจะสะท้อนไปถึงกมธ.ยกร่างฯให้ทบทวนและแก้ไขให้มีความเหมาะสม




