คลังหั่นเป้าจีดีพีเหลือ3.7%ส่งออกโตแค่0.2%

คลังหั่นเป้าจีดีพีเหลือ3.7%ส่งออกโตแค่0.2%

"กฤษฎา" เผย สศค. ปรับลดเป้าจีดีพีปีนี้ลงเหลือ 3.7% จาก 3.9% พร้อมปรับเป้าส่งออกเหลือโต 0.2% จากเดิมที่ 1.4%

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เปิดเผยว่า สศค.ปรับลดประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ของไทยปี 58 ลงเหลือ 3.7% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.9% เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงอ่อนแอ ความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยน และแนวโน้มของการปรับลดลงของราคาน้ำมันและราคาสินค้าเกษตร สำหรับจีดีพีไตรมาสแรกที่ผ่านมาขยายตัวได้ 3.2%

นอกจากนี้ยังได้ปรับลดประมาณการส่งออกลงเหลือ 0.2% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.4% ด้านการนำเข้าคาดว่าจะติดลบ 0.2% จากเดิมที่ 4% ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้ปรับลดลงจากปีก่อนเล็กน้อยมาอยู่ที่ 0.2% ตามแนวโน้มการปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งสินค้าในประเทศ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะอยู่ที่ 1.3%

อย่างไรก็ตามมองว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่ขยายตัวที่ 3.7% นั้น โดยมีช่วงการคาดการณ์ที่ 3.2-4.2% ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 0.7% เนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวได้ 9.5% การบริโภคภาครัฐจะขยายตัวได้ 4.3% เป็นผลจากมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายที่จะดำเนินการตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2558 ประกอบกับโครงการลงทุนที่มีความชัดเจน เช่น โครงการบริหารจัดการน้ำ โครงการพัฒนาระบบขนส่งทางถนน และโครงการลงทุนยกระดับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ด้านคมนาคมขนส่ง จะเป็นแรงกระตุ้นให้กับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

สำหรับการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชะนีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างเช่นเดียวกัน โดยการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัว 2.2% เนื่องจากแนวโน้มการจ้างงาน และรายได้นอกภาคเกษตรที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ในขณะที่การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำจะช่วยให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการลงทุนของภาคเอกชน

ด้านการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ในวันนี้ คาดว่าที่ประชุมจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75% ส่วนกรณีที่ ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าใน 2-3 วันนี้จะมีข่าวดีเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนนั้น ขณะนี้ สศค.ยังไม่ทราบในส่วนของรายละเอียดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.จะมีมาตรการอะไรออกมาดูแลในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า และสามารถแข่งขันได้หรือไม่