ผบ.ตร.ยันคาร์บอมบ์เซ็นทรัลฯสมุยเป็นเรื่องการเมือง

ผบ.ตร.ยันคาร์บอมบ์เซ็นทรัลฯสมุยเป็นเรื่องการเมือง

"พล.ต.อ.สมยศ"ยันคาร์บอมบ์เซ็นทรัลฯสมุยเป็นเรื่องการเมืองไม่เกี่ยวไฟใต้ เผยสืบสวนรู้ตัวผู้บงการ

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้า กรณีคาร์บอมบ์ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า ศาลจังหวัดยะลาได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 6 คน  ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างเร่งรัดติดตามตัว แต่ในการติดตามตัวผู้ต้องหาเป็นเรื่องค่อนข้างยากลำบาก เนื่องจากผู้ต้องหามีความเชี่ยวชาญในพื้นที่และอาจหลบหนีไปอยู่ตามแนวชายแดนฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยเหตุดังกล่าวในข้างต้นได้ตั้งเอาไว้ 3 ประเด็น คือ การก่อความไม่สงบภาคใต้ เรื่องการเมือง และการขัดแย้งส่วนตัวด้านธุรกิจ ล่าสุดก็มีการตัดประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปเหลือเพียงประเด็นทางการเมืองอย่างเดียว อย่างไรก็ตามในแนวทางการสืบสวนเจ้าหน้าที่รู้ตัวผู้บงการสั่งการ แต่แนวทางการสอบสวนยังไปไม่ถึง เจ้าหน้าที่มีข้อมูล แต่พยานหลักฐานยังไม่เพียงต่อการขออนุมัติออกหมายจับ  

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่สมุยทำให้ทราบพฤติกรรมของคนร้ายว่ามีการปรับเปลี่ยนยุทธวิธี ใช้ความแยบยลซับซ้อนในการก่อเหตุมากขึ้น จากเดิมที่โจรกรรมด้วยการลักขโมย ปล้นเอารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ หรือจัดหารถมือสองในพื้นที่มาเพื่อก่อเหตุ ปัจจุปันได้เช่าซื้อมาจากนอกพื้นที่ โดยเฉพาะเต็นท์รถในกรุงเทพมหานคร เพื่อนำมาก่อเหตุ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องให้ความสำคัญและต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในวันพรุ่งนี้ (28 เมษายน) เป็นวันครบรอบ 11 ปี “กรือเซะ ” แม้การข่าวยังไม่มีการเตรียมก่อเหตุความไม่สงบ แต่ได้สั่งให้ตำรวจในพื้นที่เฝ้าระวังโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น การตรวจสอบยานพาหนะวัตถุต้องสงสัย พร้อมขอความร่วมไปยังประชาชนในพื้นที่ร่วมมือเฝ้าระวังตรวจตรารถและบุคคลต้องสงสัย หากพบเห็นสิ่งผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบทันที

เค้นสอบผู้บงการ หลังจับได้บางส่วน 

ด้านพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำหรับผู้ต้องสงสัยที่ถูกออกหมายจับตามพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 11 (1) ในความผิดฐานเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุคาร์บอมบ์ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ฟสติวัล สมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยศาลจังหวัดยะลาได้อนุมัติหมายจับเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 58 ซึ่งทั้ง  5 ราย ประกอบด้วย 1.นายอัสมีน กาเต็มมาดี อายุ 27 ปี สัญชาติไทย อาชีพรับจ้าง อยู่บ้านเลขที่ 6 ถ.นาเกลือ ต.อาเนาะรู อ.เมืองฯ จ.ปัตตานี .นายฮากีม ดอเลาะ อายุ 31 ปี สัญชาติไทย อาชีพรับจ้าง บ้านเลขที่ 35/1 ม.1 ต.ปะกาฮะรัง อ.เมืองฯ จ.ปัตตานี นายมูหาหมัดยากี สาและ อายุ 34 ปี สัญชาติไทย อาชีพรับจ้าง บ้านเลขที่ 63 หมู่ 10 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา นายอับดุลเลาะ สาแม อายุ 25 ปี สัญชาติไทย บ้านเลขที่ 8/2 ม.4 ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี และ นายอัมมัร แวดาราแม อายุ 27 ปี สัญชาติไทย บ้านเลขที่ 280 ม.1 ต.ยามู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสามารถจับกุมตัวได้แล้วบางคน โดยผู้ที่จับได้เจ้าหน้าที่ทหารจะเป็นผู้รับผิดชอบนำตัวไปสอบสวน

"เนื่องจากตอนนี้หมายจับที่ออกมาเป็นหมายจับตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนั้นอำนาจหน้าที่ในการควบคุมตัว จึงขึ้นอยู่กับทหาร เพื่อดำเนินการสอบสวนขยายผลผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ หากสามารถเปลี่ยนหมายจับมาเป็นหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได้เมื่อไหร่ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะมีอำนาจหน้าที่ในการเข้าไปควบคุมตัวเพื่อทำการสอบสวนได้ต่อ และเหตุผลที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องปกปิดข้อมูลหรือไม่ให้รายละเอียดของข่าวแก่สื่อมวลชนนั้น เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้ผู้ต้องสงสัยเหล่านี้หลบหนีออกนอกพื้นที่ สร้างความยากลำบากในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน อีกทั้งบุคคลที่ถูกออกหมายจับเหล่านี้มีความสำคัญในการสืบสวนขยายผลไปสู่ตัวผู้บงการเป็นอย่างยิ่ง" พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าว