เล็บบอกโรค

เล็บบอกโรค

เล็บเป็นสิ่งที่แสดงให้ทราบถึงความสมบูรณ์หรือผิดปกติของร่างกายได้ เราจึงควรทราบข้อสังเกตเพื่อจะได้รักษาและแก้ไขอย่างเหมาะสม

เล็บที่มีสุขภาพดี คือ เล็บที่มีสีออกชมพูจาง ๆ จากสีผิวของเนื้อข้างใต้เล็บ มีพื้นผิวที่เรียบ ผิวหนังรอบเล็บมีความแข็งแรงไม่ถอยร่น และเล็บมีความหนาไม่มากไปและไม่น้อยจนเกินไป ถ้าเล็บมีความแตกต่างไปนอกเหนือจากที่กล่าวแล้วอาจเป็นเล็บที่ไม่ปกติ


พญ. ชินมนัส ตั้งจาตุรนต์รัศมี สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เล็บที่ผิดปกติ เกิดได้จากหลายสาเหตุ ซี่งอาจจะเกิดจากการติดเชื้อ สารเคมีระคายเคือง การกระแทก มะเร็ง หรือเกิดจากโรคทางกายอื่นๆ ในบางครั้งเล็บที่ผิดปกติอาจเกิดขึ้นเองโดยไม่มีสาเหตุได้เช่นกัน
คุณสามารถสังเกตลักษณะของเล็บได้ง่ายๆ ดังนี้


1. ความหนา-บางผิดปกติ
- เล็บหนามากผิดปกติ มีหลายโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น โรคเชื้อรา ที่นอกจากเล็บหนาขึ้นแล้ว เล็บอาจมีสีเปลี่ยนร่วมด้วยเป็นสีเหลืองหรือขาว ผิวเล็บและส่วนปลายเล็บอาจขรุขระ นอกจากนี้ โรคสะเก็ดเงินยอดฮิตของโรคผิวหนัง ก็อาจจะมีเล็บหนาได้ แต่ต่างกับเชื้อราที่โรคสะเก็ดเงินมักจะมีอาการเล็บหนาหลายๆ เล็บตรงข้ามกับโรคเชื้อราที่เป็นไม่กี่เล็บ
- เล็บบางมากกว่าปกติ ในโรคเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็ก เล็บจะมีลักษณะบางและแอ่นคล้ายช้อนได้ ในคนสูงอายุอาจมีเล็บที่บางและเปราะแตกง่ายบริเวณปลายเล็บได้

2. เล็บที่มีพื้นผิวขรุขระ

เป็นอาการที่พบได้บ่อย ผิวเล็บอาจเป็นหลุมเล็กๆ ถ้าเป็นหลายเล็บ อาจบ่งบอกถึงโรคสะเก็ดเงิน หรือโรคภูมิแพ้ได้ แต่อาจพบได้ในเด็กบางคนโดยที่ไม่มีสาเหตุ บางกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเจ็บป่วยรุนแรง อาจพบเล็บเป็นร่องลึกตามแนวขวางจากการที่เล็บมีการสร้างเล็บผิดปกติขณะป่วย

3. ผิวหนังรอบเล็บบวมแดง
ในคนที่สัมผัสกับน้ำบ่อยๆ ผิวหนังรอบเล็บอาจมีการเปื่อยยุ่ย จึงเกิดการระคายเคืองจากสารเคมีได้ง่าย เช่น สารเคมีจากน้ำยาล้างจานและน้ำยาทำความสะอาดบ้าน ในบางครั้งอาจเกิดการติดเชื้อราตามมาได้เช่นกัน ในผู้ป่วยบางคนที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณผิวหนังที่อ่อนแอนี้ ผิวหนังรอบเล็บอาจบวมแดงและมีหนองร่วมด้วย อาการบวมแดงมักเป็นมาไม่นานซึ่งต่างจากคนที่มีผิวหนังรอบเล็บบวมจากการระคายเคืองของสารเคมี

4. เล็บเปลี่ยนสี ภาวะโรคทางกายมีผลกับสีของเล็บได้
- เล็บมีสีดำ อาจเป็นจากมะเร็งผิวหนัง เชื้อรา การกระแทก ไฝหรืออาจเป็นขึ้นมาเอง กรณีมะเร็งผิวหนังมีข้อสังเกตคือ ลักษณะเล็บที่ดำจะมีลักษณะเป็นปื้นสีดำสีไม่สม่ำเสมอ เป็นแค่เล็บเดียว มีประวัติเป็นมาไม่นาน อาจมีผิวหนังที่โคนเล็บเป็นสีดำร่วมด้วย
- เล็บที่มีสีขาวครึ่งเล็บ พบได้ในคนที่เป็นโรคไตวายเรื้อรัง
- เล็บที่มีสีขาวสองในสามของเล็บ พบได้ในคนเป็นโรคเบาหวาน โรคตับแข็งและหัวใจวาย
- เล็บที่มีสีขาวเป็นแถบขวางอาจเป็นโรคโปรตีนในร่างกายต่ำ (hypoalbuminemia) เล็บดังกล่าวเมื่อใช้มือกดไปที่เล็บ สีขาวที่เห็นจะจางลง

5. ปลายเล็บร่น (onycholysis) ปกติแล้วผิวหนังส่วนปลายจะติดกับเล็บ แต่หากมีโรคบางอย่าง เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคไทรอยด์ โรคเชื้อราและโรคผื่นผิวหนังอักเสบ รวมถึงยาบางชนิด อาจทำให้ขอบของผิวหนังที่ติดกับเล็บมีการร่นลงได้
การวินิจฉัยโรคขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ โดยพิจารณาจากอาการและอาการแสดง
- เมื่อแพทย์สงสัยว่าเล็บอาจจะเกิดจากเชื้อรา ควรมีการขูดขุยจากบริเวณเล็บที่หนาไปตรวจหาเชื้อราและเพาะเชื้อราแยกชนิดเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรคและพยากรณ์โรคได้อย่างเหมาะสม
- ในกรณีที่แพทย์สงสัยโรคมะเร็งผิวหนัง อาจต้องทำการตัดชิ้นเนื้อที่ใต้เล็บเพื่อตรวจลักษณะทางพยาธิวิทยาเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรค
- ในกรณีที่เล็บบอกถึงโรคทางกาย อาจต้องตรวจเลือด เช่น ตรวจหาระดับธาตุเหล็ก โรคไทรอยด์ โรคไตและโรคตับ

คำแนะนำสำหรับการดูแลเบื้องต้นด้วยตนเอง
- ในเล็บปกติ ควรมีการรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรใช้ของมีคมขูดจมูกเล็บเพื่อให้เล็บเป็นรูปร่างสวยงามเนื่องจากเป็นการทำลายการป้องกันตามธรรมชาติของร่างกาย ทำให้เกิดการระคายเคืองหรือติดเชื้อราง่าย ควรมีการทาครีมบำรุงเป็นประจำเพื่อให้ผิวหนังรอบเล็บไม่แห้งเป็นขุย
- ในกรณีเล็บผิดปกติ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษามากกว่าซื้อยารับประทานหรือทายารักษาเอง
-ในกรณีที่ขอบเล็บบวมจากการระคายเคืองของสารเคมี ควรจะใส่ถุงมือป้องกันการระคายเคืองจากสารเคมีเวลาทำความสะอาดบ้าน รวมถึงเช็ดมือให้แห้ง เพื่อไม่ให้จมูกเล็บเปื่อยยุ่ยทำให้เกิดผื่นหรือการติดเชื้อได้ง่าย