รุดแจ้งความ 'คดียูฟัน' กว่า30ราย เสียหาย15ล้าน

รุดแจ้งความ 'คดียูฟัน' กว่า30ราย เสียหาย15ล้าน

ผู้เสียหาย "คดียูฟัน" กว่า 30 คน เข้าแจ้งความเพิ่ม ที่บก.ปคบ. มูลค่าความเสียหายกว่า 15 ล้าน

ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 เมษายน ผู้เสียหายจากคดียูฟันจำนวนกว่า 30 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 15 ล้านบาทเข้าแจ้งความกับปคบ. เพิ่มเติม โดยมีพล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. มาติดตามความคืบหน้าคดีนี้ และมีตัวแทนจากสมาคมต่อต้านแชร์ลูกโซ่จำนวน 10 คน ได้นำดอกไม้มามอบ เพื่อเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่


พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวว่า ความคืบหน้าคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลจากผู้เสียหายเบื้องต้นได้มีการส่งสำเนาแจ้งความมาทางเว็บในพื้นที่ต่างๆ 19 จังหวัด จำนวน 46 คน มูลค่าความเสียหาย จำนวน 22 ล้านบาท

ทั้งนี้ได้สั่งการให้ทุกสถานีตำรวจรายงานมายังภาคและรายงานตรงมาทางสตช. และยังได้ตั้งชุดสืบสวนสอบสวน 9 ทีม แต่ละทีมแบ่งงานกันทำโดยจะต้องมาประชุมกันทุกวันเพื่อติดตามความคืบหน้า เมื่อพยานหลักฐานครบถ้วนก็จะขอศาลอนุมัติหมายจับ โดยในวันจันทร์ที่ 20 เมษายน จะขับเคลื่อนการทำงานให้เร็วที่สุด เพื่อจะส่งสำนวนให้อัยการโดยเร็วที่สุด

หากส่งสำนวนให้อัยการแล้วก็ไม่สามารถรับแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมได้ ทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ขณะนี้ทางปปง.จะยึดตามขั้นตอนกระบวนการ นำสู่การขายทอดตลาดโดยเร็ว เพื่อนำเงินมาแบ่งคืนให้ผู้เสียหายที่มาแจ้งความ ส่วนประเด็นของการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น อัยการต้องเห็นสั่งฟ้องก่อนถึงจะดำเนินการส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ ซึ่งมีอยู่ 4-5 คน จะต้องรีบดำเนินการสรุปสำนวน ซึ่งคาดว่าจะต้องรีบสรุปสำนวนให้เสร็จสิ้นภายในต้นเดือนพฤษภาคม เพื่อให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนโดยเร็ว


พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวต่อว่า จากการสอบถามผู้เสียหายที่โทรศัพท์มาหารือพบว่า หากเข้ามาแจ้งความแล้วกลัวว่าพอร์ตจะหายไปไม่สามารถขายเพื่อนำเงินคืนได้ เกิดการเกรงกลัว จึงขอมาแจ้งความแต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อเปิดเผยหน้า เพื่อจะได้ทำการขายยูโทเคนในพอร์ตต่อไปได้ ขณะเดียวกันก็จะมาแจ้งความเพื่อสงวนสิทธิ์ที่จะขอส่วนแบ่ง เพราะได้มีการยึดทรัพย์ไว้กว่า 400 ล้านบาท ผู้เสียหายที่มาแจ้งความในขณะนี้ ถ้าไม่มีมาแจ้งเพิ่ม ผู้ที่มาแจ้งความทั้งหมดจะได้รับเต็มจำนวนตามส่วนที่เสียหายไปจริง

ส่วนนี้ได้มีผู้กระทำผิดในช่องทางโซเซียลมีเดียพยายามเรียกความเชื่อมั่นความน่าเชื่อถือจากสมาชิก ใช้สถานการณ์ต่างๆ เพื่อโฆษณาชวนเชื่อต่อ และจะพิสูจน์ความจริง เรื่องนี้ขอยืนยันว่าถ้าเชื่อมั่นทางผู้บริหารต้องมามอบตัวและพิสูจน์ความจริงเข้ามาสู้คดีกัน แต่ขณะนี้ได้อยู่ที่ต่างประเทศแต่บอกให้ผู้เสียหายสู้ ผู้เสียหายก็ควรจะรู้ว่าควรจะเชื่อใคร ก็ขึ้นอยู่กับผู้เสียหายว่าจะใช้ดุลยพินิจอย่างไร ในวันนี้ก็มีผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความเพิ่มเติมจำนวน 30 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 15 ล้านบาท


พล.ต.ท.สุวิระ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่จะไม่ดำเนินการปิดพอร์ต เพราะถ้าปิดพอร์ตจะเป็นเครื่องมือ ทำให้เกิดความชอบธรรมทางบริษัทไม่ต้องจ่ายเงินคืนให้กับผู้เสียหาย และผู้เสียหายก็ไม่มีโอกาสที่จะขายพอร์ตหรือยูโทเคนที่มีอยู่ได้ ที่ยังไม่สามารถปิดพอร์ตได้ในขณะนี้ เพราะเซิฟเวอร์อยู่ในต่างประเทศอยู่ระหว่างการประสานดำเนินการ และหากปิดพอร์ตในประเทศไทยจะเป็นการปิดโอกาสให้ผู้เสียหายขายยูโทเคนได้ ซึ่งการเปิดพอร์ตไว้ไม่ได้ส่งผลต่อรูปคดีแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ได้มีผู้เสียหายเปิดเผยข้อมูลว่าอุปสรรคในตอนนี้ยังไม่สามารถขายพอร์ตออกไปได้ เพราะได้มีการกำหนดพอร์ตไว้ได้สูงสุดที่ 45 ล้านยูโทเคน แต่พอร์ตทั้งหมดเต็ม จึงไม่สามารถขายออกได้ และผู้เสียหายบางส่วนได้ซื้อ 2 บัญชีรหัส 7 รหัส เป็นเงิน 175,000 บาทต่อรหัส รวมเป็นเงินทั้งหมด 2,450,000 บาท โดยผู้ชักชวนได้อ้างว่าจะได้เงินคืน 1% ทุกเดือนจากยอดขายตลาดทั่วโลก แต่เมื่อลงทุนแล้วกลับไม่เป็นไปตามที่กล่าวอ้าง โดยได้รับเงินคืนในเดือนแรกเท่านั้น


พล.ต.ท.สุวิระ ยังเปิดเผยต่ออีกว่า มีผู้เสียหายอีก 1 คน ที่ตัดสินใจร่วมลงทุนจ่ายเงินไปจำนวน 1,400,000 บาท มีหลักฐานการโอนเงิน ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าได้โอนเงินเข้าไปในบัญชีของบริษัท ยูฟัน พร็อบเพอร์ตี้ แต่โชคดีที่ได้เงินคืนมาบางส่วนแล้ว และผู้เสียหายยังบอกอีกด้วยว่าที่ยอมลงทุน เพราะได้มีการสอบถามพูดคุยกับผู้ที่ชักชวนแล้ว ว่าไม่ใช่การขายตรงไม่ใช่การหาลูกข่ายต่อ และสามารถถอนทุนได้ตลอดเวลาหรือไม่ จึงตัดสินใจยอมร่วมลงทุน อยากรู้ว่าจะได้จริงอย่างที่กล่าวอ้างหรือไม่ ส่วนนางสาวหรรษา ธาราบัณฑิต ผู้ถือหุ้นในบริษัทยูฟัน ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทยูฟัน สโตร์ จำกัด ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจเมื่อวานนี้ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำแล้วเสร็จ และอนุญาตให้ประกันตัววงเงินประกัน 5 แสนบาท เนื่องจากเข้ามอบตัวเอง และไม่มีพฤติการณ์หลบหนี


ทั้งนี้ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามข้อมูลและรับแจ้งความนั้นได้มีตัวแทนสมาคมต่อต้านแชร์ลูกโซ่จำนวน 10 คน ได้นำดอกไม้มามอบเพื่อเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อยับยั้งและป้องกันไม่ให้มีผู้ที่หลงเชื่อขบวนการแชร์ลูกโซ่นี้อีก