วิตกกรีซกดหุ้นสหรัฐร่วง

วิตกกรีซกดหุ้นสหรัฐร่วง

ตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดซื้อขายเมื่อวานนี้ (16 เม.ย.) ปรับตัวลดลงมา หลังบริษัทต่างๆ เผยรายได้รายไตรมาสแบบไร้ทิศทางชัดเจน และความกังวลเกี่ยวกับกรีซ

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 6.84 จุด หรือ 0.04% มาอยู่ที่ 18,105.77 จุด ส่วนดัชนีเอส แอนด์ พี 500 ลดลง 1.64 จุด หรือ 0.08% มาอยู่ที่ 2,104.99 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 3.23 จุด ปิดซื้อขายที่ 5,007.79 จุด

เทรดเดอร์ชี้ว่า ตลาดเกิดความวิตกระลอกใหม่เกี่ยวกับสถานการณ์ในกรีซ หลังสหภาพยุโรป หรืออียู ระบุว่า การเจรจาของกรีซ กับกลุ่มเจ้าหนี้นานาชาติ เป็นไปอย่างอย่างเชื่องช้ามาก และยังไม่เข้าใกล้จุดที่จะมีการปล่อยเงินอัดฉีดก้อนใหม่ให้กับรัฐบาลเอเธนส์

นอกจากนี้ ความรู้สึกนักลงทุนยังได้รับผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด ที่กระทรวงพาณิชย์ สหรัฐ เผยว่า ยอดก่อสร้างบ้านใหม่ในสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.0% มาอยู่ที่ปีละ 926,000 ยูนิตต่อปี เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้

ทางด้านตลาดหุ้นหลักๆ ในยุโรป ปิดปรับตัวลดลง ท่ามกลางการเทขายทำกำไร และความวิตกระลอกใหม่เกี่ยวกับสถานการณ์ในกรีซ

ดัชนีเอฟทีเอสอี 100 ในอังกฤษ ปรับลดลง 0.51% มาอยู่ที่ 5,224.49 จุด ขณะที่ดัชนีแด็กซ์ 30 ของเยอรมนี ดิ่งลง 1.90% ที่ 11,998.86 จุด และดัชนีแค็ก 40 ของฝรั่งเศส ลดลง 0.57% ปิดซื้อขายที่ 5,224.49 จุด

ราคาน้ำมันปิดแดนบวก 6 วันติด
ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน ท่ามกลางสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐ ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดภาวะการจัดหาล้นตลาด อาจกำลังลดน้อยลง

ราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ส่งมอบเดือนพฤษภาคม ในตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ ขยับขึ้น 32 เซนต์ มาอยู่ที่ 56.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ส่งมอบเดือนมิถุนายน ที่ตลาดลอนดอน อังกฤษ ปรับขึ้น 66 เซนต์ ปิดซื้อขายที่ 63.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ในช่วงแรกของการซื้อขายนั้น ราคาน้ำมันได้ปรับตัวลดลง จากการเทขายทำกำไร หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส เมื่อวันพุธที่ผ่านมา พุ่งขึ้นไปเกือบ 6%

แต่ราคาค่อยๆ ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากการที่นักลงทุนมีความหวังว่า ภาวะการจัดหาน้ำมันที่มากเกินไป กำลังผ่อนคลายลงมา