'ไพบูลย์'ใช้ม.44 ลุยทวงคืนผืนป่า สางปัญหาค้ามนุษย์

"พล.อ.ไพบูลย์"พร้อมใช้ ม.44 ลุยทวงคืนผืนป่า สะสางปัญหาค้ามนุษย์ อัดคนโวยหมักหมมปัญหาจนกระทบการส่งออกแล้วป้ายสีรัฐบาลบริหารประเทศไม่เป็น
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 44 ออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 4/2558 เรื่องมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายที่คุ้มครองประโยชน์สาธารณะและประชาชนโดยส่วนรวม ว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมมีหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายดูแลปัญหาบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงได้กำชับตนให้เร่งจัดการแก้ปัญหาโดยเร็ว ซึ่งต้องยอมรับว่าปัญหาดังกล่าวหมักหมมมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลจากการเลือกตั้ง คนที่ออกมาพูดต่อต้านการใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 44 ก็เกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุดที่ผ่านมา แต่ไม่ได้แก้ไขปัญหา
“ตั้งแต่ผมเป็นรัฐมนตรีและคสช. ผมไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายการทำงานของใคร ไม่เคยพาดพิงถึงใคร กฎอัยการศึกประกาศใช้ 8 เดือนก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดของพวกท่านแก้ไม่ได้ เรากำลังจะแก้จึงจำเป็นต้องใช้เครื่องมือพิเศษ เมื่อผมเข้ามาในลักษณะนี้ก็ต้องมีของวิเศษในการทำงานในช่วงเวลาสั้นๆ ถ้าไม่มีเรื่องหมักหมม มีแต่การพัฒนาประเทศอย่างเดียว จะทำให้มีเวลาคิดและทำงานได้มากกว่านี้ แต่ที่ผ่านมาพบปัญหาเกินกว่าครึ่งที่รัฐบาลชุดนี้ต้องเข้ามาแก้ไข ทั้งเรื่องค้ามนุษย์ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก ล้วนเป็นปัญหามาจากรัฐบาลชุดเดิม แต่รัฐบาลนี้กลับถูกตำหนิว่าบริหารประเทศไม่เป็น ส่งออกไม่ได้ เช่นเดียวกับปัญหาบุกรุกป่าไม้มีการเข้าไปก่อสร้างอาคารสูงป่า ผมไม่เชื่อว่ารัฐบาลชุดที่ผ่านมาจะมองไม่เห็น” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
นอกจากนี้พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวถึงการส่งรายชื่อข้าราชการพัวพันกับการทุจริตให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาปรับย้ายจากตำแหน่งว่า ภายในสัปดาห์นี้นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) จะต้องรวบรวมรายชื่อเสนอมายังกระทรวงยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ตนไม่ขอเปิดเผยว่ารายชื่อข้าราชการทั้ง 100 รายชื่อ สังกัดหน่วยงานใด หรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการใด ในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่มีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับส่วยน้ำมันเถื่อนและการเรียกรับผลประโยชน์ในภูมิภาคต่างๆ แต่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายให้มีตำแหน่งดีขึ้นนั้น เป็นหน้าที่ของอธิบดีดีเอสไอต้องพิจารณา หากต้องการให้ตนเข้าไปดำเนินการอาจถูกตำหนิว่ารัฐมนตรีเข้าไปล้วงลูก แต่ถ้าอธิบดี ไม่ดำเนินการตามหน้าที่ ก็ต้องสั่งย้ายอธิบดี







