Market Focus

Market Focus

SET มองหาแนวรับใต้ 1500 จุด

SET View

- แนวโน้มวันนี้เป็นลบ มองกรอบเคลื่อนไหว 1480 – 1505 จุด

SET มีโอกาสแกว่งตัวลง จากปัจจัยลบด้านจิตวิทยาการลงทุน (1) ราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นกลับขึ้นมาแรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานเมื่อวานนี้เป็นผลจากปัจจัยด้านจิตวิทยาที่เกิดความไม่สงบในเยเมนที่ไม่ใช่ผู้ผลิตรายใหญ่ ไม่ใช่ประเด็นด้านอุปสงค์-อุปทาน และรีบาวน์ของหุ้นกลุ่มพลังงานจะไม่ยั่งยืน (2) การขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติต่อเนื่องเป็นวันที่สาม 1.1 พันล้านบาท (3) ปริมาณการซื้อขายที่ลดลงเหลือเพียง 3.5 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าระดับปกติที่ 5 หมื่นล้านบาท บ่งบอกถึงนักลงทุนเริ่มชะลอการลงทุน อย่างไรก็ตามหาก SET ปรับตัวลดลงแรงและเร็ว (Panic Selling) ระหว่างวัน คาดจะมีแรงซื้อกลับจากคาดการณ์เชิงบวกต่อการทำ Window dressing รวมถึงการออก Trigger Fund ของนักลงทุนสถาบัน ทางเทคนิค SET ปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่บริเวณ 1496 จุดโดยยังไม่เกิด Panic Selling บ่งบอกว่าการปรับฐานยังไม่เสร็จสิ้น และมีโอกาสปรับลงทดสอบแนวรับถัดไปบริเวณ 1480 จุดหรือต่ำกว่า

- กลยุทธ์การลงทุน ระยะ 1-2 วัน ชะลอการลงทุน หรือหาก SET เกิด Panic Selling จนปรับลงแถว 1480 จุดหรือต่ำกว่าเป็นจังหวะเสี่ยงเข้าซื้อ เพื่อไปรอขายช่วงรีบาวน์ หากวันนี้กลับมาปิดเหนือบริเวณ 1500 จุดได้ เสี่ยงถือครองหุ้นไปรอขายสัปดาห์หน้า

  Top Daily Pick: BBL (ซื้อขายเพียง 1xP/BV ถูกสุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ และให้อัตราผลตอบแทนปันผล 2.5% ขึ้น XD 17 เม.ย.จะจำกัด downside) /PLANB (คาดผลประกอบการปี 58 โตก้าวกระโดดกว่า 60% โดดเด่นกว่ากลุ่ม และมี upside จากแผนขยายธุรกิจไปอินโดนีเซีย) Technical Pick : PTTEP CHUO AUCT BA SCB

  Theme Play: กลุ่มนำตลาด Laggard Play (PTT PTTEP TUF CPF PTTGC DTAC CPALL CPN)


- รายงานวันนี้

Preview : ADVANC (ซื้อ / มูลค่าเหมาะสม 309 บาท) คาดกำไร 1Q58 เฉียดหมื่นล้าน
Comment : กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาด) ภาครัฐเตรียมพร้อมร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นก่อสร้างรถไฟ

Strategy Talk

- ความผันผวนของ SET มิได้เกิดจากปัจจัยด้านสภาพคล่อง

• แม้ปริมาณซื้อขายสุทธิใน SET ช่วงนี้ลดเหลือเพียง 3-4 หมื่นล้านบาทต่อวันเทียบกับระดับปกติที่ 5 หมื่นล้านบาท เรามองว่ามิได้เกิดจากปัจจัยด้านสภาพคล่องทางการเงินแต่อย่างใด พิจารณาเงินบาทที่มีทิศทางแข็งค่าเทียบสกุลดอลลาร์สหรัฐตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งที่อยู่นอกฤดูกาลส่งออก บ่งบอกว่าถึงเงินไหลเข้ามาในประเทศ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันในภูมิภาคหลังตลาดคลายวิตกเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐไปเมื่อสัปดาห์ก่อน เพียงแต่เม็ดเงินดังกล่าวอาจไม่เข้ามาในตลาดหุ้น หากพิจารณาอัตราดอกเบี้ยตราสารหนี้รัฐบาลไทยอายุ 2 ปี มีทิศทางปรับลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมี.ค.ที่ เริ่มมีการทำ QE ของยุโรปจนล่าสุดปรับลดลงแล้วราว 37 bps ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือนมาอยู่ที่ระดับ 1.83% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี บ่งบอกว่าเม็ดเงินดังกล่าวไหลเข้ามาพักในตลาดพันธบัตร ทำให้เริ่มเกิดสภาพคล่องส่วนเกินขึ้นในตลาดการเงินไทย และจะเป็นปัจจัยหนุน การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง อาทิตลาดหุ้นในระยะต่อไป

• การปรับตัวลงของตลาดหุ้นในช่วงนี้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของตลาดหุ้นวัดจาก Earnings Yield (ส่วนกลับของ P/E) ปรับเพิ่มขึ้นสวนทางกับการปรับลดลดของผลตอบแทนตลาดตราสารหนี้ (ที่ส่งผลให้ราคาตราสารหนี้แพงสุดในรอบ 5 ปี) และจะทำให้ตลาดหุ้นจะเริ่มกลับมาน่าสนใจโดยเปรียบเทียบกับตลาดตราสารหนี้ในระยะต่อไป อย่างไรก็ตามการที่ตลาดหุ้นยังมีการเคลื่อนไหวสวนทางกับตลาดตราสารหนี้ เกิดจากนักลงทุนกำลังปรับลดความคาดหวังต่อผลประกอบการปี 58 ลงมา ผลจากการเติบโตของ GDP รวมถึงกำไรของบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสที่จะต่ำกว่าที่นักลงทุนคาด

• ในเชิงกลยุทธ์เราจึงแนะนำนักลงทุนระยะกลาง ควรรอให้ SET ปรับลดลงสะท้อนความคาดหวังต่อการปรับลดประมาณการกำไรลงมาสะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น โดยกำหนดจุดเข้าสะสมหุ้นอีกครั้งที่บริเวณ 1445 จุดลงมา ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นราวเดือนพ.ค.ที่มีการประกาศงบ 1Q58 เรียบร้อยแล้ว