SET INDEX ปิดลบตลอดทั้งสัปดาห์

SET INDEX ปิดลบตลอดทั้งสัปดาห์

สรุปสภาวะตลาดสหรัฐและยุโรป (19 - 25 มี.ค. 2558) :

สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปรับตัวลง โดย DJIA -2.0%, CAC ฝรั่งเศส -0.3%, DAX -0.5% มีเพียง FTSE +0.7% ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าคาด ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง เดือน ก.พ. +1.2% mom เป็น 4.88 ล้านยูนิต ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 4.9 ล้านยูนิต, เฟดสาขา ชิคาโก รายงานกิจการการผลิตทั่วประเทศเดือนก.พ. ลดลงเหลือ -0.11 จุด จากเดือนก่อนหน้าที่ -0.10 จุดและยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน -1.4% mom ในเดือน ก.พ. สวนทางคาดการณ์ของตลาดที่เพิ่มขึ้น +0.2% mom นอกจากนี้นักลงทุนรอดูผลการประชุมระหว่างผู้นำเยอรมัน - กรีซ ต่อการแก้ไขปัญหาหนี้

สรุปสภาวะตลาดหุ้นจีน (19 - 25 มี.ค. 2558) : สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้น 2.3% และเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องยาวนานที่สุดในรอบ 23 ปี แม้ว่าดัชนี HSBC Flash PMI ภาคการผลิตเดือน มี.ค.ของจีนทำระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปีอยู่ที่ 49.2 จุด อีกทั้งหดตัวสวนทางกับที่ตลาดคาดแต่กลับสร้างแรงเก็งกำไรต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามปรับตัวลงในช่วงปลายสัปดาห์จากความกังวลต่อเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลกระทบผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน หลังการรายงานผลประกอบการส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าคาด

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (19 - 25 มี.ค. 2558) : SET INDEX ปรับตัวลงทดสอบแนว 1,500 จุด หุ้นขนาดกลางอย่าง IFEC / ITD / TPIPL ปรับตัวลงแรง กลายเป็นปัจจัยกดดันจิตวิทยาการลงทุนโดยรวม

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีความพยายามในการฟื้นตัว แต่ยังคงเป็นไปอย่างจำกัด พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง ทำให้ภาพรวมฟื้นตัวของ SET INDEX เป็นไปอย่างอ่อนแอ ปิดที่ระดับ 1,512.80 จุด ลดลง 18.70 จุด หรือ -1.22% ณ วันที่ 25 มี.ค.

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ( 27 มี.ค. - 2 เม.ย. 2558) : MBKET คงน้ำหนักการลงทุนเป็น “กลาง” ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางต่อเนื่องจากสัปดาห์นี้ เพราะหากประเมินทั้งปัจจัยในและต่างประเทศ ณ ปัจจุบัน ขาดความโดดเด่นทั้งในแง่บวก หรือ ลบ อีกทั้งใกล้ช่วงเทศกาลวันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย ยิ่งทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนมากขึ้น เกิดความเปราะบางของ SET INDEX ในภาพรวม เพียงแต่แนวรับ 1,495-1,500 จุดเชื่อว่าจะยังทำงานได้ค่อนข้างดีในช่วงนี้ เนื่องจาก

- ผลของการทำ Window Dressing ในช่วงโค้งสุดท้ายของไตรมาสแรก

- เม็ดเงินใหม่จากการปิดขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ในช่วงสิ้นเดือนมี.ค. คาดระดมเงินได้ราว 3-4 พันล้านบาท

- ความวุ่นวายในเยเมน อาจทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทรงตัวเหนือ US$50/barrel สำหรับ NYMEX ช่วยภาพรวมของกลุ่มน้ำมัน /โรงกลั่น ซึ่งมีน้ำหนักถ่วงดัชนีตลาดหุ้นไทยสูงสุด

แต่แน่นอนว่า Upside ของตลาดหุ้นไทยเป็นไปอย่างจำกัดเช่นกัน แนวต้าน 1,540/50 จุดในรอบนี้ ยังไม่น่าจะมีแรงฝ่าด้านดังกล่าวได้เช่นกัน ยกเว้นว่ามูลค่าการซื้อขายกลับมาหนาแน่นระดับ 5.0 หมื่นล้านบาท/วัน และ/หรือ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขยับขึ้นแรงจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

ดังนั้น เชิงกลยุทธ์การลงทุน  เราแนะนำ “ขึ้นแรงขาย/ลงแรงซื้อ” เช่นเดิม เน้นการลงทุนเป็นหุ้นรายตัวมากกว่ามองภาพรวมของ SET INDEX ที่แกว่งในกรอบระหว่าง 1,495/1,500 - 1,530/40 จุด ในสัปดาห์หน้า

ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า  ได้แก่

1. การลงนามในสัญญาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวตอนเหนือ วันที่ 3 เม.ย.

2. ติดตามพัฒนาการการเจรจาระหว่างกรีซ และ เจ้าหนี้ Troika หลังกำหนดเส้นตาย กรีซ ยื่นแผนปฎิรูปเศรษฐกิจต่ออียูในวันที่ 30 มี.ค.

3. ติดตามเหตุการณ์ความตึงเครียดในเยเมน ว่าจะส่อเค้ากระจายวงหรือไม่

4. ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.พ.ของธปท. รายงานวันที่ 31 มี.ค. โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการท่องเที่ยวที่เป็นตัวแปรเชิงบวกที่สำคัญต่อเศรษฐกิจไทยในช่วง 1H58 จะเติบโตโดดเด่นได้มากน้อยเพียงใด ขณะที่ภาคการส่งออกโดยรวมดูจะเป็นตัวฉุดรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโดยรวม

5. และติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต- บริการ และ อัตราเงินเฟ้อของอียู, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และ GDP ของอังกฤษ, ภาวะการจ้างงานสหรัฐ, ดัชนี PMI ภาคการผลิต-บริการของจีน, อัตราเงินเฟ้อ และ ผล-ผลิตภาคอุตฯ ของญี่ปุ่น

                                                      ----------------------------------------------------------
ที่มา...บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ