นายกฯไม่พอใจ'ฐปณีย์'ตีข่าวแรงงานไทยในอินโดฯ

นายกฯไม่พอใจ'ฐปณีย์'ตีข่าวแรงงานไทยในอินโดฯ

"พล.อ.ประยุทธ์"ไม่พอใจ"ฐปณีย์"ตีข่าวแรงงานไทยในอินโดนีเซีย จี้เข้าพบเจ้าหน้าที่ ด้าน"ประวิตร"ชี้ลูกเรือประมงเป็นแรงงานเถื่อน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)กล่าวก่อนเดินทางไปเยือนประเทศบรูไนดารุสซาลามถึงกรณี แรงงานไทยในอินโดนีเซียถูกหลอกไปเป็นลูกเรือและกลายเป็นคนตกเรือเนื่องจากถูกปลอมเอกสาร หลักฐานจนไม่มีตัวตนว่า รัฐบาลดำเนินการมาตลอด ครั้งที่ผ่านมาก็สามารถช่วยเหลือมาได้26ราย เรื่องนี้อย่าเพิ่งขยายความกันมากเพราะบางข่าวเป็นอันตรายกับประเทศ ในเรื่องความมั่นคง และอยากถามว่ารัฐบาลที่ผ่านมาทำไมไม่ทำ จะให้ทำทุกอย่างเสร็จในเวลาแป๊บเดียวแล้วไล่ตนไป มันได้ที่ไหน รัฐบาลพยายามเจรจาพูดคุยมาโดยตลอด

หากสื่อตีข่าวนี้ออกไปรู้หรือไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไร จะเกิดเรื่องการค้ามนุษย์เข้ามาทันที และถ้าเขาไม่ซื้อปลาสองแสนกว่าล้านตัน พวกตีข่าวจะต้องรับผิดชอบ มีอะไรตนรับฟังอยู่แล้วขอให้มาพูดและบอกเจ้าหน้าที่ วันนี้รัฐบาลรับฟังปัญหาแต่ต้องมาพูดก่อน ถ้าไปตีข่าวอยู่อย่างนี้คนไทยทั้งประเทศเสียหาย ฉะนั้นนักข่าวได้ข่าวมาแล้วต้องตรวจสอบ

"ผมบอกจริงๆ ฐปณีย์ เอียดศรีไชย  มาหาเจ้าหน้าที่เสียพูดอยู่ข้างนอกมันได้อะไรขึ้นมา ถ้าผมทำผมไม่ได้ทำเพราะฐาปณีย์ ผมทำเพราะผมอยากจะทำ รู้หมดว่าใครอยู่ที่ไหนอย่างไร ผมถามว่ามันง่ายหรือไม่ และผิดกฏหมายหรือเปล่า ไม่ยอมรับอะไรซักอย่างแล้วจะเอาแต่สิทธิเสรีภาพ จะไปไหนก็ได้หรือจะไปประเทศนู้นประเทศนี้ ได้โดยที่ไม่ต้องมีใบอนุญาติหรือเปล่า เรือสี่ห้าลำชื่อเดียวกันได้หรือไม่ วันนี้รัฐบาลกำลังขึ้นทะเบียนเรือ และติดจีพีเอสบนเรือ จับปลาที่ไหนมาต้องแสดงให้เห็นว่าจับมาจากไหน ไม่ใช่นอกน่านน้ำ ต้องไปในพื้นที่ถูกต้อง คนงานต้องมีใบอนุญาติ ไม่เช่นนั้นจะถูกหลอกอย่างที่ว่า และผมถามว่าถูกหลอกสมัยผมหรือเปล่า ซึ่งวันนี้ก็แก้ทุกอัน แล้วมันแก้ได้ไวหรือไม่"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

"ประวิตร"ชี้ลูกเรือประมงติดเกาะในอินโดฯเป็นแรงงานเถื่อน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาแรงงานเรือประมงไทยที่ตกเรือและผู้ที่ถูกหลอกลวงมาทำงานประมงติดอยู่บนเกาะอัมบน เกาะตวน และเกาะเบจินาของประเทศอินโดนีเซีย ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ ว่า แรงงานกลุ่มดังกล่าวเป็นแรงงานเถื่อนที่ไปทำงานอย่างผิดกฎหมาย แต่ตนยังพยายามแก้ปัญหานี้และปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งขอยืนยันว่าแก้ไขอย่างจริงจังแน่นอน โดยจะมีการวางระบบให้มีศูนย์รวมทุกหน่วยงานที่เข้ามาตรวจสอบก่อนที่เรือประมงแต่ละลำจะออกจากท่าเรือว่าต้องเป็นเรือที่มีการจดทะเบียนถูกต้อง และติดตั้งระบบจีพีเอส รวมถึงต้องมีการตรวจสอบแรงงานของเรือลำนั้นๆว่าเป็นแรงงานที่ได้ลงทะเบียนอย่างถูกต้องให้เรียบร้อย อีกทั้งมีการตรวจสอบเครื่องมือทำประมง นอกจากนี้มีชุดเจ้าหน้าที่ติดตามเรือที่ออกสู่น่านน้ำ และเรามีการออกกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว ขณะเดียวกันเราได้ชี้แจงให้สหภาพยุโรป(อียู) ทราบถึงเรื่องเกี่ยวกับเรือประมงของไทย ทั้งนี้ในโอกาสที่เอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย เข้าพบตนที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเช้าวันนี้ (25 มี.ค.) ตนได้ชี้แจงถึงเรื่องเรือประมงของไทยให้ฝ่ายเยอรมนีรับทราบ

เมื่อถามถึงการช่วยเหลือแรงงานเรือประมงไทยที่ติดอยู่บนเกาะในอินโดนีเซียกลับสู่ประเทศไทย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกหน่วยงานมีการเตรียมแผนและกำลังดำเนินการ โดยกระทรวงการต่างประเทศยังมีการติดต่อประสานงานกับรัฐบาลอินโดนีเซียอยู่ ขณะที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)จัดส่งคณะเจ้าหน้าที่เดินทางไป และประสานงานให้กองทัพอากาศเตรียมพร้อมหากจำเป็นต้องส่งเครื่องบินไปรับกลับประเทศไทย

นอกจากนี้ ในอนาคต รัฐบาลไทยและอินโดนีเซียจะมีการทำบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู)ร่วมกันในเรื่องความมั่นคงทางทะเลและเรือประมง เพราะทางการอินโดนีเซียระบุว่าเรือประมงเหล่านั้นเป็นเรือผิดกฎหมาย คนที่ทำงานเป็นแรงงานไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และลักลอบใช้อุปกรณ์จับปลาที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้เดิมตนมีกำหนดการที่จะเดินทางไปยังอินโดนีเซีย ในวันที่ 26-27 มี.ค.นี้ แต่เนื่องจากประธานาธิบดีอินโดนีเซียต้องเดินทางไปต่างประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว ตนจึงต้องเลื่อนกำหนดการดังกล่าวออกไปก่อน แต่ยืนยันว่าจะต้องเดินทางไปที่อินโดนีเซียเพื่อชี้แจงประเด็นเกี่ยวกับเรือประมงของไทย

พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า ปัญหาเรือประมงไทยไม่ใช่เรื่องใหม่ มีมานานนับสิบปี มีการเตือนมาตลอดถึงการห้ามใช้แรงงานประมงผิดกฎหมาย แรงงานเรือประมงไทยที่ถูกจับกุมในอินโดนีเซียเป็นคนที่ถูกหลอกลวงหรือเป็นคนที่ไปทำงานอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนการเอาผิดกับผู้ประกอบการเจ้าของเรือประมงผิดกฎหมายนั้น กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องไปดำเนินการ ทั้งนี้ที่ผ่านมาเคยมีการเรียกกรมประมง กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาประชุมร่วมกันแก้ปัญหาและให้ช่วยกันชี้แจง รัฐบาลดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังและทำให้ถูกต้องตามหลักสากล