นายกฯสั่งชะลอก.ม.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

นายกฯสั่งชะลอก.ม.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

"พล.อ.ประยุทธ์" นายกฯ สั่งชะลอกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เหตุเศรษฐกิจชะลอตัว กระทบคนรายได้น้อย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานการประชุมการประชุมร่วมระหว่างประธานและฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการขับเคลื่อนชุดต่างๆ 5 คณะ ครั้งที่ 1/2558 โดยร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ แถลงภายหลังการประชุม ว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการในที่ประชุมให้ชะลอ เรื่องการออกกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างออกไปก่อน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในระยะยาว และไม่ให้กระทบต่อประชาชน เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว สถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ค่อยพร้อม และตอนนี้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยยังมีภาระอยู่ จึงอยากให้ชะลอไปก่อน ให้เป็นไปในแนวทางการศึกษาและดูว่าสิ่งต่างๆ ที่อาจมีการดำเนินการต้องไม่กระทบกับประชาชนในอนาคต ส่วนจะชะลอไปนานหรือไม่นั้นจะต้องดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโดยรวมต่อไป

ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า การชะลอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวออกไปก่อนนั้นไม่เกี่ยวกับแรงกดดันหรือเสียงวิพากษ์วิจารณ์เพราะเรื่องนี้เป็นการหารือภายใน แต่เมื่อเป็นข่าวออกมาทำให้หลายฝ่ายกังวล โดยแท้จริงแล้วอยู่ระหว่างการศึกษายังไม่ได้เป็นข้อยุติแต่อย่างใด นายกรัฐมนตรีจึงคิดว่าเพื่อความชัดเจน จึงขอให้ชะลอออกไปก่อน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาและดูแนวทางที่เหมาะสมในอนาคตต่อไป โดยมอบหมายให้ปลัดกระทรวงการคลังเป็นผู้รับผิดชอบในการรวบรวมศึกษาดังกล่าว ซึ่งกรอบที่ศึกษานั้นกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะศึกษาเรื่องโครงสร้างภาษีโดยรวม การปฏิรูปภาษีให้เหมาะสมกับอนาคต โดยศึกษาระบบภาษีของประเทศอื่นๆ ว่าต่างจากระบบภาษีของประเทศไทยอย่างไร และประเทศไทยมีประสิทธิภาพในเชิงการเก็บภาษีและใช้จ่ายรายได้มากน้อยเพียงใด หากเทียบกับต่างประเทศ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องรายได้งานมาเป็นระยะ แต่ยังไม่กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน

ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้มีการพูดคุยถึงการปรับถึงรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งที่ประชุมได้ยืนยันแล้วว่าไม่มีการปรับขึ้นแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าตามข้อตกลงทางบีทีเอสจะสามารถปรับขึ้นค่าโดยสารทุก 18 เดือน แต่ขณะนี้ไม่มีนโยบายในการปรับขึ้นราคา

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือถึงการช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี โดยมีโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งจะมีการเสนอต่อที่ประชุมครม.ให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ปล่อยเงินกู้ ดอกเบี้ยต่ำ โดยทางกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ชดเชยดอกเบี้ยให้ โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว เอสเอ็มอี กลุ่มสตาร์ทอัพ ที่มีนวัตกรรมและเอสเอ็มอีขนาดย่อม ที่มีศักยภาพมีแนวโน้มสามารถเติบโตไปสู่ขนาดกลางได้ รวมทั้งเอสเอ็มอีที่มีความประสงค์ขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดเออีซี โดยการกำหนดมาตรการเสริมต่างๆ เช่นมาตรการในส่วนของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ที่จะมีสัดส่วนความรับผิดชอบในการจ่ายค่าประกันชดเชยเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันไม่เกินร้อยละ 18 ซึ่งจะมีการเสนอเข้าสู่ครม.ว่าจะมีการปรับเพิ่มในส่วนนี้ได้อีกเท่าไหร่ ตรงนี้จะเป็นร้อยละของพอร์ตที่ให้การค้ำประกันเฉพาะลูกหนี้รายใหม่ทั้งที่ให้กู้ยืมภายใน้โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและการให้กู้ยืนของธนาคารอื่นๆ ด้วย โดยขอให้รัฐบาลจ่ายค่าชดเชยให้ บสย.ในส่วนที่เกินจากค่าธรรมเนียม

อีกส่วนหนึ่งคือโครงการที่จะช่วยเอสเอ็มอีคือโครงการแมชชีนฟัน ที่จะช่วยเหลือค่าดอกเบี้ยให้กับเอสเอ็มอีที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อในการปรับปรุงและปรับเปลี่ยนเครื่องจักร อุปกรณ์ ระบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการดำเนินธุรกิจรวมถึงรองรับการขาดแคลนแรงงานในอนาคต โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว เอสเอ็มอี กลุ่มสตาร์ทอัพ ที่มีนวัตกรรมและเอสเอ็มอีขนาดย่อม ที่มีศักยภาพมีแนวโน้มสามารถเติบโตไปสู่ขนาดกลางได้ รวมทั้งเอสเอ็มอีที่มีความประสงค์ขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดเออีซี โดยทางสสว.และสภาอุตสาหกรรมจะช่วยทำหน้าที่คัดกรองลูกค้าเอสเอ็มอีเข้าร่วมโครงการและประสานงานกับหน่วยงานที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีเพื่อพิจารณาความเหมาะสมต่อไป

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ฝ่ายถึงการจัดตั้งวันสตอปเซอร์วิส เพื่ออำนวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจที่ต้องใช้แรงงาน โดยบูรณาการการทำงานทั้งบีโอไอ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นไปได้ด้วยดีอย่างยิ่ง แต่ยังคงขาดแคนข้อมูลจากเอกชนว่ามีความต้องการแรงงานมากน้อยเพียงใด อย่างไร ซึ่งจะต้องมีการติดต่อกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งสั่งการให้มีการตั้งศูนย์วันสตอปเซอร์วิสในศูนย์การค้าต่างๆ ด้วย

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังฝากถึงร่าง พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาลที่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับจะจัดจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านตู้ตรงนี้ ขอย้ำว่าเรื่องการจำหน่ายผ่านตู้ยังไม่ได้ข้อยุติ เพราะยังติดอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะต้องติดตามกันต่อไป