'วิษณุ'แจงอำนาจต่ออายุปปช.ตัวจริงอยู่ที่คสช.

'วิษณุ'แจงอำนาจต่ออายุปปช.ตัวจริงอยู่ที่คสช.

"วิษณุ"แจงอำนาจต่ออายุป.ป.ช.ตัวจริงอยู่ที่คสช.ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล เผยถูกชงร่วมครั้งขอแก้กฎหมายต่อสนช.

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเสนอต่ออายุการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า นายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจอะไรไปต่ออายุ ส่วนที่ระบุให้ใช้อำนาจพิเศษนั้นเป็นอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่จะพิจารณา

ผู้สื่อข่าวถามว่าการดำรงตำแหน่งจนครบเวลา 9 ปี ถือว่าเพียงพอแล้วหรือยัง นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องพอหรือไม่พอ ขณะนี้ประเด็นคือคนที่จะเป็นผู้ดำเนินการอะไรก็ตามต้องคิดด้วยเหตุผลว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะปัญหาคือเมื่อกรรมการป.ป.ช. 1 คน จะครบวาระในเดือนพ.ค.และอีก 4 คนจะครบวาระในเดือนก.ย.นี้ ในขณะที่กระบวนการสรรหาอาจจะล่าช้านั้น การพิจารณาคดีที่มีอยู่นั้นจะทำอย่างไรป.ป.ช.จึงส่งสัญญาณให้สังคมรับรู้ปัญหาดังกล่าว

ต่อข้อถามที่ว่านายกรัฐมนตรีจะยกเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในครม.หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะมีการหารือในครม.เพราะไม่ใช่อำนาจของรัฐบาล เรื่องต่ออายุนั้นไม่เป็นไร แต่ปัญหาคืออำนาจในการต่ออยู่ที่ใคร ซึ่งตอบได้ว่าไม่ใช่อำนาจของรัฐบาล

เมื่อถามย้ำว่าผู้มีอำนาจต่ออายุคือหัวหน้าคสช.เพียงคนเดียวใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะการใช้อำนาจต้องเป็นองค์คณะ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ป.ป.ช.มีการหารือประเด็นขอต่ออายุการทำงานเรื่องนี้กับคสช.ตั้งแต่เมื่อใด นายวิษณุ กล่าวว่า เมื่อมีการเสนอขอแก้ไขกฎหมายป.ป.ช.ครั้งที่ผ่านมาต่อสนช.และสนช.ได้ตั้งกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณาก่อนที่จะรับหลักการ มีการยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะเห็นว่าหากมีความจำเป็นที่ต้องต่ออายุ จะต้องเขียนแก้ไว้ในกฎหมายตั้งแต่ครั้งนั้น และประเด็นอื่น ๆ เช่น การเพิ่มอำนาจ ขึ้นมาหารือแต่ไม่เป็นที่รับกัน สุดท้ายก็ดึงออกหมดเหลือไว้เพียงเรื่องเดียวคือเรื่องการทำสนธิสัญญา จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรกันต่อ

ต่อข้อถามว่าจะมีการพูดคุยกันอีกครั้งหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ รัฐบาลไม่พูดอะไรด้วยอยู่แล้วและเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องด่วนอะไร  ส่วนป.ป.ช.ที่เหลือจะมีผลต่อความเชื่อมั่นในการทำงานหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า กรรมการ 4 คนยังทำงานได้ แต่ปัญหาคือสังคมจะเชื่อมั่นหรือไม่กับคน 4 คนที่จะทำงานแล้วบอกว่าใครผิดหรือไม่ผิด หากผลโหวตออกมาเป็นเอกฉันท์ไม่เป็นไร แต่ถ้าออกมา 3 ต่อ 1 สังคมอาจคลางแคลงใจบ้าง ฉะนั้นการพิจารณาต้องคิดถึงความรู้สึกของสังคมด้วย