'เงินเฟ้อ'ก.พ.ต่ำรอบ5ปี ชี้ยังไม่เผชิญภาวะเงินฝืด

เงินเฟ้อในเดือนก.พ. 2558 ติดลบเป็นเดือนที่ 2 แตะระดับต่ำสุดรอบกว่า 5 ปีจากราคาน้ำมันลดลงกว่า 20%
ส่งผลให้กระทรวงพาณิชย์ปรับลดประมาณการเงินเฟ้อในปีนี้เหลือ 0.6-1.13% ขณะนักเศรษฐศาสตร์ชี้ยังไม่เผชิญเงินฝืด แต่เศรษฐกิจซึมตัว ส่วนการคลังยังไม่เห็นผล เปิดช่องใช้นโยบายการเงินแก้ปัญหา
อัตราเงินเฟ้อของไทยติดลบตามคาด ตามราคาน้ำมันปรับลดลง คาดไตรมาสแรกติดลบ 0.4% ตามแนวโน้มราคาน้ำมันและมาตาการลดค่าครองชีพของรัฐบาล
นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) ก.พ. 2558 เท่ากับ 106.15 ลดลง 0.52% เทียบกับก.พ. 2557 ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่อง 2 เดือน และติดลบสูงสุดรอบ 5 ปี 5 เดือน เมื่อเทียบกับม.ค. 2558 เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.12% ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.) ลดลง 0.47%
สำหรับดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐานคำนวณจากการหักรายการอาหารสดและพลังงาน เท่ากับ 105.65 สูงขึ้น 0.09% เทียบกับเดือนก่อนหน้า สูงขึ้น 1.45% เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนและเฉลี่ย 2 เดือน ( ม.ค.-ก.พ.)เพิ่มขึ้น 1.55% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลง 0.52% เป็นผลจากหมวดอื่นๆไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.71% สินค้าสำคัญที่มีราคาลดลง เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง ลด 20.92% แต่ค่าโดยสารสาธารณะราคาเพิ่มขึ้น 1.26% ค่าเช่าบ้าน หอพัก เพิ่มขึ้น 1.33%
ส่วนหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ยังเพิ่มขึ้น 1.72% สินค้าสำคัญที่มีราคาเพิ่มขึ้น เช่น อาหารบริโภคนอกบ้าน 3.74% อาหารบริโภคในบ้าน 3.07% เครื่องประกอบอาหาร 2.94% เนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ 0.97%
อย่างไรก็ตามเมื่อแยกเป็นรายการสินค้า 450 รายการที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อ พบว่า มีสินค้าที่ราคาสูงขึ้น 165 รายการ เช่น ยาสีฟัน ผงซักฟอก เครื่องประกอบอาหาร ค่าเช่าบ้าน ผลไม้ ค่าโดยสารรถประจำทาง เป็นต้น ส่วนสินค้าที่มีราคาคงที่ 184 รายการ และสินค้าราคาลดลง 101 รายการ
คาดไตรมาสแรกติดลบ0.4%
นายสมเกียรติ กล่าวว่า กระทรวงฯคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสแรก ปี 2558 จะลดลง 0.4% เป็นผลจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ต่ำลง และรัฐบาลมีการปรับลดค่ากระแสไฟฟ้าในช่วงเดือนม.ค. รวมทั้งรัฐบาลมีมาตรการดูแลระดับราคาสินค้าให้กับประชาชน
“แต่หลังจากไตรมาสแรก ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ แต่เชื่อว่าเงินเฟ้อจะเริ่มปรับตัวสูง โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายที่คาดว่าจะมีการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาขยับ ส่งผลเงินเฟ้อมีอัตราสูงขึ้น”
หั่นเป้าเงินเฟ้อปีนี้เหลือ0.6-1.3%
นายสมเกียรติ กล่าวว่าได้ปรับประมาณการเงินเฟ้อปี 2558 ใหม่ จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวในกรอบเดิม 1.8-2.5% เหลือ 0.6-1.3% ภายใต้สมมุติฐานใหม่ คือ ระดับราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบเฉลี่ย 50-60 ดอลลาร์/บาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน 32-35 บาท/ดอลลาร์ และเศรษฐกิจไทยขยายตัว 3-4%
“เหตุผลที่อัตราเงินเฟ้อลดลงมามาก มาจากปัจจัยหลายอย่าง แต่ปัจจัยหลักๆคือราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวลดลงมาก ถามว่าจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดหรือไม่ ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ ต้องรอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันให้นิ่งกว่านี้ ถึงจะประเมินได้ เพราะน้ำมันที่ลดลงเป็นผลต่อต้นทุนสินค้าด้วย แต่ก็ยอมรับว่าคนมีการระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น” นายสมเกียรติกล่าว
ชี้ศก.ยังไม่เข้าสู่ภาวะชะงักงัน
นายสมประวิณ มันประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือนก.พ.2558 ซึ่งติดลบ 0.52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือว่าต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาดเล็กน้อย โดยตลาดคาดว่าจะติดลบราว 0.48% แม้ภาพรวมตัวเลขจะไม่ได้ผิดไปจากที่คาดการณ์ไว้มากนัก แต่อย่างน้อยก็สะท้อนถึงแนวโน้มที่อาจมีเซอร์ไพร์สในทางที่ต่ำกว่าคาดการณ์ได้อยู่
“โอกาสที่จะมีเซอร์ไพร์สในทางลบยังคงมีอยู่ แม้ว่าราคาน้ำมันโลกจะไม่ได้ลดลงมากแล้วก็ตาม แต่การส่งผ่านด้านราคายังทยอยให้เห็น เพราะโดยปกติแล้วการส่งผ่านในส่วนนี้จะใช้เวลาบ้าง”
ส่วนความกังวลว่าเศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ภาวะชะงักงัน(Stagnation) ่หรือไม่นั้น นายสมประวิณ กล่าวว่า ด้วยสภาพเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ยังไม่เข้าข่ายชะงักงัน แต่มีแนวโน้มว่าจะเข้าสู่ภาวะซึมตัวถ้าขาดแรงสนับสนุนจากนโยบายการเงินที่เข้ามาช่วยประคอง
นายสมประวิณ กล่าวว่า ที่ผ่านมานโยบายการเงินมักจะรอให้นโยบายการคลังทำหน้าที่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จนถึงขณะนี้นโยบายการคลังก็ยังไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นในภาวะที่ดอกเบี้ยแท้จริงเริ่มเป็นบวกมากขึ้น นโยบายการเงินจึงสามารถที่จะผ่อนปรนได้เพิ่มเติม ประกอบกับเวลานี้ปัจจัยต่างประเทศก็เริ่มเข้ามากดดันนโยบายการเงินของไทยเพิ่มขึ้น สะท้อนผ่านการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางประเทศจีน อินโดนีเซีย และอินเดีย เป็นต้น
ทั้งนี้ ตลาดติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 11 มี.ค.นี้ ว่าจะตัดสินใจนโยบายอัตราดอกเบี้ยอย่างไร ท่ามกลางแรงกดดันจากภาคส่งออกและภาวะเศรษฐกิจภายในที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
คาดเงินเฟ้อทั้งปีไม่ติดลบ
นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ.ที่ออกมา ถือว่าใกล้เคียงกับที่ทางศูนย์วิจัยฯ ได้ประเมินเอาไว้ ซึ่งเราคาดว่าเดือนก.พ.เงินเฟ้อทั่วไปจะติดลบราว 0.5%
อย่างไรก็ตามแม้ราคาน้ำมันโลกขณะนี้จะปรับเพิ่มขึ้นมาบ้าง แต่ค่าเฉลี่ยโดยรวมต่ำลงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนค่อนข้างมาก ทำให้แนวโน้มเงินเฟ้อทั่วไปโดยเฉลี่ยทั้งปีในปีนี้มีโอกาสเติบโตต่ำกว่า 1% ได้ แต่คงไม่ถึงขั้นติดลบ
เศรษฐกิจซึม-ยังไม่เผชิญเงินฝืด
นายเชาว์ กล่าวว่า แม้เงินเฟ้อทั่วไปจะติดลบ แต่เงินเฟ้อพื้นฐานเดือนก.พ.ยังขยายตัว 1.45% สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ได้เผชิญกับภาวะเงินฝืด แต่อย่างไรก็ตามหากแนวโน้มเศรษฐกิจยังซึมตัว จนกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ก็อาจมีผลกระทบต่อเงินเฟ้อพื้นฐานที่ปรับลดลงได้เช่นกัน
นอกจากนี้ นายเชาว์ ยังกล่าวยืนยันว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ยังไม่เข้านิยามของภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน เนื่องจากภาวะดังกล่าวจะหมายถึงภาวะที่เศรษฐกิจมีการหดตัวหรือไม่มีการขยายตัว แต่จากประมาณการของทางศูนย์วิจัยฯ ยังมองว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปีนี้จะขยายตัวได้ประมาณ 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และขยายตัวได้ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้
“เรายังมองว่าไตรมาสแรกปีนี้การเติบโตเมื่อเทียบแบบปีต่อปีน่าจะทำได้ดี เนื่องจากฐานปีที่แล้วต่ำมาก โดยเรามองว่าการเติบโตในไตรมาสนี้จะสูงกว่า 4% แต่ถ้าไตรมาสแรกปีนี้ออกมาต่ำกว่า 4% ก็มีความเสี่ยงที่การเติบโตโดยเฉลี่ยทั้งปีในปีนี้จะต่ำกว่า 4% ได้”นายเชาว์กล่าว
“ปรีดิยาธร”ไม่ห่วงเงินเฟ้อติดลบ
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงไม่น่ากังวลเนื่องจากมาจากต้นทุนสินค้าและต้นทุนการผลิตของเอกชนที่ปรับตัวลดลง ไม่ได้มาจากการบริโภคของประชาชนที่ลดลงเห็นได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของภาครัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ
“ต้องดูว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่ปรับลดลงมาจากอะไรถ้ามาจากการใช้จ่ายของประชาชนที่ลดลงอันนี้ต้องกังวล แต่นี้เงินเฟ้อลดลงมาจากต้นทุนที่ลดลงจากราคาเชื้อเพลิงที่ลดเป็นหลักซึ่งเป็นของดีดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลแต่อย่างไร”ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว







