'ซีพีเอฟ-ทียูเอฟ'ลุยลงทุนนอก วางเป้าขึ้นผู้นำตลาดอาเซียน

'ซีพีเอฟ-ทียูเอฟ'ลุยลงทุนนอก วางเป้าขึ้นผู้นำตลาดอาเซียน

2ยักษ์ใหญ่อาหาร "ซีพีเอฟ-ทียูเอฟ" ลุยลงทุนนอกเพิ่ม "ซีพีเอฟ" ทุ่ม 2,850 ล้าน ถือหุ้นเพิ่มเป็น 100% ใน "ซีพี กัมพูชา" วางเป้าขึ้นผู้นำตลาดอาเ

 เตรียมขอมติผู้ถือหุ้นปันผล 0.45 บาทต่อหุ้น ด้าน บอร์ด"ทียูเอฟ" ไฟเขียวเพิ่มทุน 13,200 ล้านบาท นำเงินลงทุนซื้อกิจการ"บัมเบิล บี ฟู้ดส์"


คณะกรรมการบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ มีมติให้เสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาการเข้าลงทุน 75% ใน C.P. Cambodia Company Limited หรือ CPC ที่บริษัทมีการลงทุนอยู่เดิม 25% ซึ่งทำให้ CPC บริษัทย่อยที่บริษัทลงทุน 100% โดยมีมูลค่ารวมในการเสนอซื้อ 2,850 ล้านบาท โดยคณะกรรมการบริษัทพิจารณาเห็นว่า กัมพูชามีโอกาสในการขยายตัวของธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารอีกมาก และ CPC มีแผนการขยายธุรกิจให้ครบวงจรต่อเนื่อง ไปถึงธุรกิจอาหารมากขึ้น การเข้าลงทุนครั้งนี้จึงมีประโยชน์ต่อซีพีเอฟ


นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เปิดเผยว่า CPC เป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมในกัมพูชา มีรายได้รวมปีก่อน 8,309 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 744 ล้านบาท (คิดมูลค่าใช้อัตราแลกเปลี่ยน 0.0081 บาทต่อ 1 เรียล) ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจสุกร และสัตว์ปีก


"การที่ซีพีเอฟเข้าไปลงทุนใน CPC ครั้งนี้ จะทำให้ซีพีเอฟ เป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมในเขตอินโดจีน ซึ่งเป็นเขตที่มีโอกาสในการเติบโตของเศรษฐกิจและการบริโภคค่อนข้างสูงในอนาคต"นายอดิเรก กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2557 บริษัทมีรายได้รวม 426,039 ล้านบาท โดยกิจการในต่างประเทศที่มีสัดส่วน 58% และคาดเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี ใน 5 ปีข้างหน้า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ เป็นการสอดคล้องกับแนวทางกลยุทธ์ของบริษัท ที่มุ่งเน้นการขยายธุรกิจในต่างประเทศ


"แผนการดำเนินงานปีนี้ บริษัทให้ความสำคัญในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ รวมการเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก และการบริหารจัดการด้านการเงินให้มีต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ โดยได้ตั้งเป้าธุรกิจเติบโต 10%จากปีก่อน" นายอดิเรกกล่าว


นายอดิเรก กล่าวว่า ปี 2557 บริษัทมีกำไรสุทธิ 10,562 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 49% โดยคณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปีอีก 0.45 บาทต่อหุ้น เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลที่ได้จ่ายไปแล้ว 0.30 บาทต่อหุ้น รวมปันผล 0.75 บาทต่อหุ้น
ด้านนายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทียูเอฟ กล่าวว่า วานนี้ (27ก.พ.) คณะกรรมการของบริษัทมีมติอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 400 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 13,200 ล้านบาท บริษัทวางแผนนำเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุน ไปใช้เพิ่มทุนส่วนเงินลงทุน ในการเข้าซื้อกิจการของ Bumble Bee Foods ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการอาหารบรรจุหีบห่อชั้นแนวหน้าในทวีปอเมริกาเหนือ และเป็นที่รู้จักในตลาดอาหารทะเลที่เก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องได้เป็นเวลานาน (Shelf-Stable Seafood) ทั้งในตลาดสหรัฐและแคนาดา


ทั้งนี้ บริษัทเคยแจ้งการเข้าซื้อกิจการของ Bumble Bee แล้ว และคาดการเข้าทำธุรกรรมจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้ แต่การเข้าทำธุรกรรมดังกล่าว ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาอนุญาตของหน่วยงานว่าด้วยการป้องกันการผูกขาดทางการค้าของสหรัฐ และการดำเนินการตามเงื่อนไขบังคับ ก่อนที่กำหนดอยู่ในสัญญาซื้อขายกิจการ
บริษัทจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้น ซึ่งมีรายชื่อปรากฏอยู่ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่คณะกรรมการของบริษัทจะได้กำหนดต่อไป ซึ่งการจัดสรรหุ้นดังกล่าว เป็นไปตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ผู้ถือหุ้นเดิมแต่ละรายถืออยู่ โดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว ต้องได้รับการอนุมัติจากการประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้นในวันที่ 3 เม.ย.นี้


ส่วนผลการดำเนินงานของกลุ่มทียูเอฟในปี 2557 ปรากฎว่า มียอดขายรวม 121.4 พันล้านบาท เติบโต 7.6 % มีกำไรไรสุทธิ 5.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.5% จากกำไรสุทธิ 2.85 พันล้านบาท ในปี 2556 อย่างไรก็ตาม บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปี 2557 ในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท


นายธีรพงศ์ กล่าวว่า สำหรับปีนี้คาดผลประกอบการจะดีต่อเนื่อง โดยคาดจะมียอดขายรวมของบริษัทอยู่ที่ 5 พันล้านดอลลาร์ โดยมีโอกาสจากการเจริญเติบโตที่มาจากภายในธุรกิจหลักของบริษัท และการมุ่งเน้นที่กลยุทธ์การรวมพลังเป็นหนึ่งเดียวของธุรกิจ


"การที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสเหล่านี้ เราต้องดำเนินการด้วยการรักษาระเบียบวินัยทางการเงิน ในขณะเดียวกัน ต้องนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง การสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อผู้บริโภค และที่สำคัญมากคือการยึดมั่นแนวทางความยั่งยืนในการดำเนินการทุกหน่วยธุรกิจ" นายธีรพงศ์ กล่าว