เป้าผลิตรถเกิน2ล้านคัน ส่งออกอีโคคาร์พุ่งโต14%

เป้าผลิตรถเกิน2ล้านคัน ส่งออกอีโคคาร์พุ่งโต14%

ส.อ.ท. ประเมินยอดผลิตยานยนต์ไทยใหม่ หลังทิศทางส่งออกสดใสเป้าผลิตรถปี58 ทะลุ 2.15 ล้านคัน เผยม.ค.ส่งออกโต14% ตะลึงตลาดยุโรปถูกตัดจีเอสพี

 แต่ส่งออกโตพุ่ง 66% อเมริกาเหนือโต 95% ออเดอร์ส่งออกอีโคคาร์พุ่งสูง ส่วนในประเทศซบเซา ร่วง 12% เหตุมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ชัดเจน หนี้ครัวเรือนสูง

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่ง-ประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในปี 2558 ว่า จากการประชุมร่วมกับค่ายรถยนต์ต่างๆ ที่เป็นสมาชิกของ ส.อ.ท. ได้ประเมินถึงยอดผลิตเพื่อขายในประเทศและส่งออกรถยนต์ในปี 2558 โดยได้ตั้งเป้าหมายยอดผลิตรวมทั้งหมด 2.15 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12% โดยแบ่งเป็นยอดส่งออกขยายตัว 6% มีจำนวน 1.2 ล้านคัน เพิ่มจากปีก่อนที่มีจำนวน 1.12 ล้านคัน ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศคาดว่าจะขยายตัว 7% หรือมีจำนวน 9.5 แสนคัน เพิ่มจากปีก่อนที่ขายได้ 8.81 แสนคัน


ส่วนการผลิตรถยนต์ในเดือนม.ค.2558 ที่ผ่านมามียอดการผลิตรถยนต์รวม 166,260 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.22% โดยจำนวนนี้เป็นการส่งออก 92,440 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.2557 ในระดับ 14.09% คิดเป็นมูลค่า 41,151.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


ทั้งนี้ สาเหตุที่ยอดส่งออกรถยนต์ในเดือนม.ค.เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีการนำเข้ารถยนต์อีโคคาร์จากไทยเพิ่มขึ้นมาก โดยตลาดที่มียอดส่งออกขยายตัว 4 ภูมิภาค ได้แก่ อเมริกาเหนือ ขยายตัวสูงสุด 95.66% มีจำนวน 4,418 คัน มีส่วนแบ่งการตลาด 4.78% รองลงมาเป็นยุโรป ขยายตัว 66.38% มีจำนวน 9,753 คัน ส่วนแบ่งตลาด 10.55% อเมริกากลางและใต้ ขยายตัว 33.12% จำนวน 13,395 คัน ส่วนแบ่งตลาด 14.5% ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ขยายตัว 25.46% จำนวน 19,849 คัน ส่วนแบ่งตลาด 21.47%
ขณะที่ตลาดต่างประเทศที่มียอดส่งออกลดลงมี 3 ภูมิภาค ได้แก่ เอเชีย ลดลง 1.15% มีจำนวน 19,934 คัน ส่วนแบ่งตลาด 21.56% แอฟริกา ลดลง 5.26% จำนวน 4,214 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.56% และตะวันออกกลาง ลดลง 6.84% จำนวน 20,877 คัน ส่วนแบ่งตลาด 22.58% โดยรถยนต์ที่มียอดส่งออกขยายตัวสูงสุดเป็นกลุ่มรถยนต์อีโคคาร์ โดยตลาดอเมริกาเหนือยอดรถยนต์นั่งเพิ่มขึ้นถึง 203% ยุโรปเพิ่มขึ้น 135%


“จากการประเมินในปลายปีที่ผ่านมามองว่ายอดส่งออกรถยนต์ไปยุโรปในปีจะลดลงมาก อันเนื่องมาจากการถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) แต่ปรากฏว่าตัวเลขเดือนม.ค.มียอดนำเข้าสูงขึ้น โดยเฉพาะรถอีโคคาร์เพิ่มขึ้นกว่าที่คาดไว้ นับเป็นตัวเลขที่น่าแปลกใจอยู่มาก โดยส่วนหนึ่งมองว่าเป็นผลจากการถึงรอบเปลี่ยนรถยนต์ ประกอบกับราคาน้ำมันปรับลดลงด้วย และรถยนต์อีโคคาร์จากไทยถูกกว่ารถอีโคคาร์ที่ผลิตในยุโรป” นายสุรพงษ์ กล่าว


ส่งออกอีโค คาร์ รุ่ง
แหล่งข่าวจากวงการค้ารถเปิดเผยว่า สำหรับการส่งออกอีโค คาร์ ที่เพิ่มขึ้นเรื่องจาก รถบางรุ่นในตลาดต่างประเทศ ได้นำเข้ารถจากประเทศไทยเพื่อทดแทนโมเดลเก่า แม้ว่าประเทศไทยจะเปิดตัวอีโค คาร์ มานานแต่ในต่างประเทศ ยังขายโมเดล เก่าอยู่ ทำให้ช่วงนี้ยอดส่งออกรถอีโค คาร์ จากไทยเริ่มมีปริมาณมากขึ้น สำหรับรถที่ส่งออกโดดเด่นได้แก่ มิตซูชิชิ รุ่น มิราจ และแอททราจ , นิสสัน มาร์ช ,ซูซูกิ สวิฟท์


นายสุรพงษ์ กล่าวต่อไปว่ายอดการส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ นั้น เดือนม.ค.ที่ผ่านมาเครื่องยนต์มีมูลค่าการส่งออก 2,641.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.93% ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 14,033.30 ล้านบาท ลดลง 5.37% และอะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 1,455.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.83% รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนม.ค.2558 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 59,281.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.84%


สำหรับยอดขายภายในประเทศนั้นมีจำนวน 59,669 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.9% และลดลงจากเดือนธ.ค. 2557 ประมาณ 33.3% เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นตัว ราคาสินค้าเกษตรยังตกต่ำ และการลงทุนเอกชนยังไม่ฟื้นตัว รวมทั้งภาวะหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูงถึง 84% ของ จีดีพี ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ


“แม้ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา การท่องเที่ยวจะขยายตัวได้ดีและมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นการลงทุนโครงการใหม่จากภาครัฐออกมากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างชัดเจน มีเพียงการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณในโครงการเดิม ซึ่งหลายโครงการก็ถูกระงับไปแล้ว ดังนั้นรัฐบาลควรจะต้องมีโครงการลงทุนใหม่ๆ เข้ามาเพื่อเพิ่มเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้” นายสุรพงษ์ กล่าว


นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ส่วนรถจักรยานยนต์ ในเดือนม.ค.2558 มียอดขายภายในประเทศ 142,929 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.79% และเพิ่มขึ้นจากเดือนธ.ค.2557 ประมาณ 19.11% ส่วนการส่งออกมีจำนวน 72,431 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.31% โดยมีมูลค่า 3,738.22 ล้านบาท ลดลง 4.67% ทั้งนี้เมื่อรวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ 4,173.94 ล้านบาท ลดลง 5.16%


ทั้งนี้เมื่อรวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ ในเดือนม.ค.2558 มีมูลค่าทั้งสิ้น 63,455.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.04%


อย่างไรก็ตาม ตัวเลขประมาณการผลิตรถยนต์ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า (ก.พ.-เม.ย.2558) คาดอยู่ที่ 503,621 คัน เพิ่มขึ้น 5.37% คิดเป็น 25,654 คัน จากยอดผลิตจริงเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา (พ.ย.2557-ม.ค.2558) อยู่ที่ 477,967 คัน และเพิ่มขึ้น 4.58% คิดเป็น 22,051 คัน จากยอดผลิตจริงเมื่อช่วงเดียวกับปีก่อน (ก.พ.-เม.ย.2557) อยู่ที่ 481,570 คัน


นิสสันเล็งซบเวียดนาม-ฟิลิปปินส์
นายประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการรตลาดและการขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ตลาดส่งออกได้รับผลกระทบจากกลุ่มในประเทศเอเชีย ทั้งไทย อินโดนีเซีย และกลุ่มประเทศโอเชียเนีย อย่างออสเตรเลีย รวมถึงในตะวันออกกลาง ทำให้บริษัทต้องหาตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะภูมิภาคอาเซียนที่ถือว่ามีการขยายตัวในระดับที่ดีโดยเฉพาะในเวียดนามและฟิลิปปินส์ ที่มีการขยายตัวสูงในช่วง 5-10 ปีจากนี้ ส่วนประเทศอื่นยังมีการขยายตัวน้อย อาทิ ลาว และกัมพูชา ส่วนประเทศพม่าติดด้วยข้อระเบียบต่างๆ ที่ยังไม่เปิดให้กับการทำตลาดรถยนต์ใหม่


ทั้งนี้ บริษัทมีความสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการรถยนต์อีโค่ คาร์ เฟส 2 ซึ่งระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษาและเตรียมแผนในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของกฎระเบียบในการปล่อยมลพิษ เป็นต้น จากปัจจุบันที่มียอดขายสะสมอยู่ที่ 2.3 แสนคันทั้งในรุ่นนิสันมาร์ช และนิสสัน อัล เมร่า ที่ทำตลาดมานาน 3 ปี