'เหล้า-บุหรี่'ขึ้นราคา2%ไตรมาส1

'เหล้า-บุหรี่'ขึ้นราคา2%ไตรมาส1

"เหล้า-บุหรี่" จ่อขึ้นราคา 2% ภายในไตรมาสแรกปีนี้ เหตุ "โรงงานยาสูบ" ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนพัฒนากีฬา 2% ของภาษีที่ต้องจ่าย

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังรอการประกาศ บังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การกีฬาแห่งประเทศไทย ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ศ... หลังจากผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไปแล้ว ตั้งแต่เดือนม.ค. 2558 ที่ผ่านมา คาดมีผลบังคับใช้ภายในไตรมาสแรกปีนี้

ตามกฎหมายฉบับนี้ จะมีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยให้กองทุนมีอำนาจเก็บเงินจากผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยสุรา และกฎหมายว่าด้วยยาสูบ หรือเก็บภาษีจากผู้ผลิตและผู้นำเข้าสุราและยาสูบในอัตรา 2% ของภาษีที่เรียกเก็บ ซึ่งให้กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรเป็นผู้ดำเนินการเก็บเงินและนำส่งให้กับกองทุน

"เงินนำส่งให้กับกองทุนกีฬานี้ ผู้ผลิตและผู้นำเข้าสุราและบุหรี่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น โดยคำนวณจากฐานภาษีสรรพสามิต 2% โดยมีแนวโน้มว่าผู้ผลิตและผู้นำเข้าจะผลักภาระส่วนนี้ไปยังผู้บริโภคด้วยการปรับขึ้นราคาขายประมาณ 2% ของราคาขายปลีก"

หากคำนวณจากฐานภาษีปี 2557 กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีจากสุรา และบุหรี่ปีละ 2 แสนล้านบาท โดยแยกเป็นภาษีบุหรี่ 6.1 หมื่นล้านบาท ภาษีสุรา 6.4 หมื่นล้านบาท และภาษีเบียร์ 7.6 หมื่นล้านบาท หากเก็บเงินเข้ากองทุนพัฒนาการกีฬาในอัตรา 2% ของภาษีที่เรียกเก็บ ผู้ผลิตผู้นำเข้าบุหรี่และสุราต้องจ่ายเงินเข้ากองทุน 3-4 พันล้านบาทต่อปี

แหล่งข่าวจากโรงงานยาสูบ เปิดเผยว่า กฎหมายฉบับดังกล่าว ทำโรงงานยาสูบมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกปีละ 1-1.2 พันล้านบาท จากปัจจุบันที่โรงงานยาสูบต้องจ่ายเงินอุดหนุนให้กับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะ (ไทยพีบีเอส) ปีละ 1.6 พันล้านบาทอยู่แล้ว หรือมีภาระจ่ายเงินอุดหนุนเพิ่มเป็นปีละ 2.6-2.8 พันล้านบาท ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับกำไรที่โรงงานทำได้ปีละ 6 พันล้านบาท

"ทราบมาว่า กฎหมายดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ช่วงไตรมาสแรกปีนี้ หากกฎหมายมีผล โรงงานยาสูบต้องปรับขึ้นราคาบุหรี่ เพื่อนำรายได้นำส่งกองทุนกีฬา โดยบุหรี่แต่ละยี่ห้อปรับขึ้นไม่เท่ากัน โรงงานยาสูบกำลังพิจารณาต้นทุนของบุหรี่ที่ต้องปรับราคา แต่สูงสุดปรับขึ้นไม่เกิน 2% ของราคาขาย และคงจะปรับขึ้นทันทีหลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ โดยบุหรี่นอก จะได้รับผลกระทบเหมือนกัน แต่ไม่แน่ใจว่า บุหรี่นอกจะปรับขึ้นราคาหรือไม่"

น.ส.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการ โรงงานยาสูบ คาดว่า พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ...ได้ผ่านสนช.แล้ว คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งจะทำให้โรงงานยาสูบ และบุหรี่นอก ต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนกีฬา 2% ของภาษีสรรพสามิตที่ต้องจ่าย ซึ่งแยกต่างหากจากภาษีสรรพสามิต และเงินนำส่งรายได้เข้ารัฐ ที่ปัจจุบันนำส่ง 88% ของกำไรสุทธิอยู่แล้ว
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2557 ที่ผ่านมา โรงงานยาสูบมีกำไรสุทธิ 6 พันล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไร 7 พันล้านบาท เพราะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จากการเตรียมย้ายโรงงานผลิตยาสูบไปอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ โดยวันที่ 26 ก.พ.นี้ นี้จะมีการประชุมเพื่อหารือว่าจะทยอยย้ายบางส่วน หรือย้ายพร้อมกันทั้งหมด แต่ยืนยันว่าการย้ายโรงงานยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ว่าจะแล้วเสร็จในปี 2560

งบลงทุนสำหรับโรงงานแห่งใหม่ ยังคงอยู่ในกรอบเดิมคือ 6 พันล้านบาท แต่ได้ปรับวิธีการประมูลซื้อเครื่องจักร อุปกรณ์ ทำให้ปรับลดงบส่วนเครื่องจักรลงได้ และจะนำเม็ดเงินที่ปรับลดได้ ไปเพิ่มการลงทุนในส่วนอาคารที่พักของพนักงานอีก 600 ล้านบาท จากเดิมวางงบลงทุนไว้ที่ 176 ล้านบาท เป็น 865 ล้านบาท เพื่อให้พนักงานมีความสะดวกสบายมากขึ้น

การย้ายโรงงานยาสูบทั้งหมด ออกจากพื้นที่ปัจจุบัน เพื่อคืนพื้นที่ทำสวนสาธารณะเบญจกิตติให้เร็วขึ้น จากกำหนดเดิมต้องคืนทั้งหมดภายในปี 2562 จะปรับให้เร็วขึ้นเป็นภายในปี 2560 โดยการย้ายโรงงานนี้ จะไม่ทำให้พนักงานเดือดร้อน และไม่กระทบทำให้บุหรี่ขาดตลาดแน่นอน เพราะเตรียมแผนงานไว้รองรับแล้ว โดยมีการสต็อกยาเส้นรองรับ 1 ปีล่วงหน้า จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 1 พันล้านมวลต่อวัน

ปีนี้โรงงานยาสูบมีเป้าออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 2 ยี่ห้อ เพื่อเน้นขายกลุ่มลูกค้าทั่วไป จากก่อนหน้าที่ออกบุหรี่กรองทิพย์ 7.1 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก และในปี 2559 เตรียมออกบุหรี่พรีเมียมอีก 1 ยี่ห้อ เพิ่มรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด ปัจจุบันโรงงานยาสูบมีส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งหมด 76%