ชัด!สปช.จี้จัดการ‘ธัมมชโย’ปาราชิกยกวินิจฉัย'สังฆราช'

ชัด!สปช.จี้จัดการ‘ธัมมชโย’ปาราชิกยกวินิจฉัย'สังฆราช'

"ไพบูลย์" เผย สปช. จี้มหาเถรสมาคม จัดการ "ธัมมชโย" เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ต้องปาราชิก จากกรณีพระวินิจฉัยของสมเด็จพระสังฆราชฯ

18ก.พ.2558 นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สปช.. กล่าวยอมรับว่า ทางคณะกรรมการได้ประชุมเพื่อพิจารณาถึงกรณีสถานภาพของพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจริง โดยการประชุมได้นำพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชมาพิจารณาในกรณีที่มีพระวินิจฉัยให้พระธัมมชโยปาราชิก

ทั้งนี้ พระลิขิตดังกล่าวเกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่ปี 2542 โดยในรอบดังกล่าวเกิดขึ้นจาก 2 กรณี คือ 1.กรณีการไม่ยอมคืนที่ดินให้วัดพระธรรมกาย และ 2.มีประเด็นที่พระธัมมชโยไปกล่าวหาว่าพระไตรปิฎกมีความบกพร่องจึงเป็นเหตุให้บิดเบือนคำสอน ซึ่งประเด็นนี้ถือเป็นขั้นอนันตริยกรรม ทำให้สมเด็จพระสังฆราชมีพระวินิจฉัยให้ปาราชิก จากนั้นจึงส่งให้ฝ่ายเถรวาทดำเนินการตามวินัยของสงฆ์

"แต่จนถึงปัจจุบัน ทางมหาเถรสมาคมไม่ได้ดำเนินการให้เป็นรูปธรรมแต่อย่างใด ที่ประชุมจึงได้เชิญตัวแทนมหาเถรสมาคมมาชี้แจงและยืนยันว่า พระธัมมชโยต้องพ้นจากความเป็นสงฆ์ และจากกรณีเกี่ยวพันกับการถูกกล่าวหายักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ที่มีหลักฐานที่ชี้ให้เห็นไปในทางที่ว่า ผู้ที่ดำเนินการยักยอกทรัพย์มีการโอนเงินไปให้พระธัมมชโยและวัดพระธรรมกายหลายร้อยล้านบาท จึงถือว่าเป็นความผิดถึงขั้นปาราชิกเช่นเดียวกัน" นายไพบูลย์ กล่าว

ก่อนหน้านี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ได้เข้าตรวจสอบบัญชีการเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ตามที่สมาชิกสหกรณ์ได้ร้องเรียนถึงพฤติกรรมของผู้บริหารและพวกที่ยักยอกเงินของสมาชิกกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท จนพบว่านำเงินที่ได้จากการยักยอกไปซื้อทรัพย์สินต่างๆ โดยใส่ชื่อตนเองหรือผู้อื่น เพื่อเจตนาซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน อันเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.การฟอกเงิน นอกจากนี้ยังพบว่ามีการออกเช็คสั่งจ่ายเงินแก่วัดพระธรรมกายจำนวน 15 ฉบับ รวมเป็นเงิน 714 ล้านบาท ซึ่งทางวัดได้แจ้งความประสงค์ในการคืนเงินจำนวนนี้แล้ว

สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติผู้นี้ กล่าวอีกว่า การทำงานของคณะกรรมการในเรื่องนี้ เนื่องจากต้องการให้มหาเถรสมาคมดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายของคณะสงฆ์ เพื่อเป็นการปฏิรูปพระพุทธศาสนา และเพื่อเป็นการพิทักษ์พระพุทธศานาให้ยั่งยืน ทั้งนี้คณะกรรมการไม่ได้กำหนดเวลาว่าต้องทำให้แล้วเสร็จในเวลาเท่าไหร่ แต่เห็นว่าควรเร่งดำเนินการ เพราะขณะนี้ผ่านมากว่า 10 ปีแล้ว

"หากไม่ดำเนินการก็เป็นการสะท้อนปัญหาว่า การแก้ไขปัญหาหรือจัดการปัญหาที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ไม่สามารถดำเนินการได้ และจำเป็นต้องปรับพิจารณา ปรับปรุงแก้ไข โดยหลักการสำคัญคือ ทางเถรสมาคมต้องถูกตรวจสอบจากภาคส่วนต่างๆ จากเดิมที่ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ให้อำนาจเพียงฝ่ายเถรสมาคมมีอำนาจอย่างเด็ดขาดในการบริหาร การตรวจสอบ และอำนาจออกกฎระเบียบ ทางเถรสมาคมก็ต้องถูกตรวจสอบได้เช่นเดียวกัน" นายไพบูลย์ ระบุ

กระนั้นก็ดี นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า การประชุมของคณะกรรมการในสัปดาห์หน้า ได้ทำหนังสือเชิญ ปปง.มาให้ข้อมูลในคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน และจะสอบถามเรื่องการโอนเงินให้วัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโยด้วย