อสังหาฯ'อังกฤษ'บุกไทย ดูดกำลังซื้อเศรษฐีร้อยล้าน

อสังหาฯ'อังกฤษ'บุกไทย ดูดกำลังซื้อเศรษฐีร้อยล้าน

อสังหาฯ "อังกฤษ" โหมโรดโชว์คอนโดหรูดึงกำลังซื้อเศรษฐีร้อยล้านไทย หลังตลาดหลักในจีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย อิ่มตัว

ขณะเศรษฐกิจยุโรปประสบปัญหา หันจับเศรษฐีใหม่ในเอเชียแทน ล่าสุดซีบี ริชาร์ดฯ ประเดิม 250 ซิตี้ โรด ลอนดอน ราคาเริ่มต้น 42 ล้านบาท ด้าน คอลลิเออร์ เล็งเปิดตัว โครงการอาร์เบน ลอนดอน แย่งกำลังซื้อ


แม้ปีนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทย จะไม่ใช่ปีทอง จากกำลังซื้อภาพรวมยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่สำหรับตลาดอสังหาฯไฮเอ็นด์ในต่างแดน โดยเฉพาะทำเลฮอตในลอนดอน ประเทศอังกฤษ กลับได้รับความนิยมจากบรรดาเศรษฐีไทย จนบริษัทอสังหาฯต่างชาติ ต้องเดินสายมาโรดโชว์


นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CBRE บริษัทที่ปรึกษาการตลาดและบริการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จากปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป ทำให้ความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ลดลง เช่นเดียวกับลูกค้าฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งเคยเป็นตลาดเดิมที่นิยมซื้ออสังหาฯอังกฤษ เริ่มอยู่ในภาวะอิ่มตัว ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จากอังกฤษ เร่งหาตลาดใหม่ ด้วยการโฟกัสมายังตลาดไทย ที่มีบรรดาเศรษฐีกำลังซื้อสูงจำนวนมาก


เนื่องจากที่ผ่านมาเศรษฐีไทยจำนวนมาก ส่งลูกไปศึกษาต่อต่างประเทศ โดยเฉพาะอังกฤษ ทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ยังพบว่าเศรษฐีแถวหน้าของไทย มักใช้ประเทศอังกฤษเป็นที่พบปะสังสรรค์
อย่างไรก็ตาม ปัญหาการเมืองในไทยที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้หลายโครงการต่างชาติเลื่อนมาโรดโชว์ในไทย จนเห็นว่าการเมืองเริ่มคลี่คลายในปีนี้ จึงเลื่อนมาเปิดตัวโรดโชว์ในปีนี้ในหลายโครงการ


ล่าสุดซีบี ริชาร์ดฯ ได้นำโครงการ "250 ซิตี้ โร้ด" หรือ 250 CITY ROAD ตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอน มาเปิดตัวในไทย โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการมิกซ์ยูส (อสังหาฯแบบผสมผสาน) ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม ห้างค้าปลีก และโรงแรม ตั้งอยู่บนทำเลใจกลางกรุงลอนดอน เทียบได้กับย่านทองหล่อในไทย ถือเป็นทำเลยอดนิยม ทำให้ราคาขายค่อนข้างสูง เริ่มต้นที่ 8.4 แสนปอนด์ หรือประมาณ 41.66 ล้านบาทต่อยูนิต (อัตราแลกเปลี่ยน 49.6 บาทต่อปอนด์)


"ตอนนี้ดีเวลลอปเปอร์อังกฤษ มองหาตลาดใหม่ ทดแทนฮ่องกง สิงคโปร์ ที่เข้าไปซื้ออสังหาฯในอังกฤษเยอะแล้ว เช่น บางรายซื้อไว้ 5 แห่ง ขณะที่ตลาดไทยน่าสนใจมาก จากปัจจัยคือที่คนไทยส่งบุตรหลานไปเรียนที่อังกฤษค่อนข้างมาก และคนไทยที่รู้จักทำเลดีก็ต้องการซื้อเพื่อลงทุนเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญเป็นตลาดระดับบน ลักชัวรี่ ซูเปอร์ลักชัวรี โดยคนไทยส่วนหนึ่งมีกำลังซื้อ ขอให้โครงการพัฒนาได้สอดคล้องกับความต้องการจริงๆ"


เศรษฐีร้อยล้านช้อปคึกคัก
ด้านนางสาวพรพิมล พึ่งเขื่อนขันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายแผนที่อยู่อาศัย บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากการเปิดตัวโครงการ 250 ซิตี้ โร้ด ที่เพิ่งผ่านไป พบว่ามีเศรษฐีไทยให้ความสนใจตอบรับร่วมงานจำนวนมาก โดยบริษัทได้เชิญให้ลูกค้าเข้าชมโครงการทั้งสิ้น 50 กรุ๊ปๆ ละ 3 -4 คน


ทั้งนี้ ในเดือนมี.ค.จะมีลูกค้าที่เป็นเศรษฐีไทย 5 ราย บินไปเยี่ยมชมโครงการที่กรุงลอนดอนด้วยตัวเอง และปกติลูกค้ากลุ่มดังกล่าวจะใช้เวลา 2-3 เดือน ในการตัดสินใจซื้อโครงการ


"ผลตอบรับจากการเปิดตัวโครงการดีมาก จำนวนลูกค้าที่เข้าชมงานขนาดนี้ถือว่าคึกคักและได้รับความนิยมจากคนไทยพอสมควร โดยผู้เข้าชมโครงการก็จะเป็นเศรษฐีระดับร้อยล้าน และอยู่แถวหน้าของเมืองไทย เพราะโครงการราคาเริ่มต้นระดับ 40 ล้านบาท ส่วนการตัดสินใจซื้อของลูกค้าก็จะพิจารณาจากความคุ้นเคยของทำเลเป็นหลัก จากนี้ไปบริษัทคาดว่าจะมีอีก 2-3 โครงการเข้ามาเปิดตัวในไทยเพิ่มเติม"


จีน-สิงคโปร์-มาเลย์ ตลาดอิ่มตัว
นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทที่ปรึกษาการตลาดและบริการอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา อสังหาฯจากอังกฤษค่อนข้างได้รับความนิยมในไทย จากที่ผ่านมาตลาดหลักของอังกฤษจะอยู่ในจีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย แต่ปัจจุบันตลาดเริ่มอิ่มตัว ขณะที่ค่าเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นมาอยู่ระดับ 49-50 บาทต่อปอนด์ เทียบกับอดีตอยู่ที่ 70 บาทต่อปอนด์ เอื้อให้ราคาสินทรัพย์ถูกลง


นอกจากนี้ เศรษฐกิจในยุโรปที่ขยายตัวไม่ดีนัก ทำให้ผู้พัฒนาอสังหาฯในอังกฤษ หันมาโฟกัสตลาดเอเชียมากขึ้น ซึ่งเป็นตลาดที่เศรษฐกิจยังคงขยายตัว รวมทั้งหันมาเจาะตลาดไทยที่แม้ตลาดจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็ถือว่ามีกำลังซื้อ


ในส่วนของบริษัท เตรียมนำโครงการอาร์เบน หรือ ARBEN เข้ามาเปิดตัวต้นเดือนมี.ค.นี้ โดยโครงการดังกล่าวอยู่ในทำเลใจกลางเมืองของกรุงลอนดอนเช่นกัน เป็นห้องชุด 1-3 ห้องนอน ขนาดเริ่มต้น 54-133 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 5.4 แสนปอนด์-1.5 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 26.78-74.4 ล้านบาท
"กำลังซื้อเศรษฐีไทยมีอยู่แล้ว ที่ฝากเงินไว้ 100-200 ล้านบาท ยังไม่เดือดร้อน โดยคนกลุ่มนี้เวลาเลือกซื้ออสังหาฯต่างแดน ไม่ต่างจากไทย คือพิจารณาจากโลเคชั่น หรือทำเลเป็นลำดับแรก เพราะหากไม่ได้อยู่แล้วขายต่อหรือปล่อยเช่าก็ยังได้กำไร หากคนสนใจก็จะบินไปดูโครงการที่ต่างประเทศเอง"


จากกำลังซื้อผู้บริโภคระดับบนที่ยังขยายตัวดี ยังจะเป็นแรงหนุนต่อตลาดอสังหาฯไฮเอนด์ในไทย โดยคาดว่าคอนโดราคาขาย 2.5 แสนบาทต่อตารางเมตร จะถูกพัฒนาออกมาไม่ต่ำกว่า 10 โครงการ ไล่เลียงจากทำเลสุขุมวิทซอย 1 ถึงซอย 55


ทั้งนี้ ข้อมูลจากศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ปี 2556 ระบุว่ามีคนไทยในต่างแดน มีกว่า 1.03 ล้านคน โดยคนไทยที่อาศัยอยู่ในอังกฤษทั้งทำงาน-เรียน มีประมาณ 5.95 หมื่นคน


"ญี่ปุ่น" ยังแรงน้อยกว่าอังกฤษ
ด้านนายประเสริฐ แด่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า นอกจากโครงการอสังหาฯจากอังกฤษจะตบเท้าเข้ามาขายในไทยแล้ว ยังมีโครงการจากญี่ปุ่น แต่ผลตอบรับยังไม่ดีเท่าอังกฤษ เนื่องจากเศรษฐีเมืองไทยจำนวนมากส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษค่อนข้างมาก และอาศัยอยู่นานขึ้น เมื่อเทียบกับเมื่อ 10 ปีก่อน ที่จะส่งไปเรียนปริญญาโท ใช้เวลาเพียง 1 ปี แต่ปัจจุบันส่งไปเรียนระดับไฮสคูล ใช้เวลาอยู่ที่นั่น 7-8 ปี
ทั้งนี้ การที่เศรษฐีไทยขนเงินไปซื้ออสังหาฯ ในต่างแดนนั้น มองว่าไม่กระทบต่อตลาดคอนโดในไทย เพราะถือเป็นคนละตลาดกัน โดยสถานการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงการขยายทำเลการลงทุนเท่านั้น


นอกจากเศรษฐีจะนำเงินไปซื้อคอนโดในต่างประเทศแล้ว ปัจจุบันยังพบว่า กลุ่มเป้าหมายดังกล่าว หันมาซื้อคอนโดในย่านใจกลางเมืองราคาแพงมากขึ้น เห็นได้จากความสำเร็จของการขาย โครงการแมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟรอนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม, โครงการเดอะ ดิโพลแมทสาทร เป็นต้น และปีนี้คาดว่าคอนโดหรู ลักชัวรี ซูเปอร์ลักชัวนี คอนโดจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้ตลาดคอนโดในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลเติบโต 4%