คลังคาดก.ม.ร่วมทุนใช้เมษานี้

คลังคาดก.ม.ร่วมทุนใช้เมษานี้

“สมหมาย” คาด รัฐบาลประกาศใช้กฎหมายลูก PPP จำนวน 8 ฉบับในเดือนเมษายนนี้ เพื่อรองรับแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานตามนโยบายรัฐบาล

นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจหรือสคร.อยู่ระหว่างการเร่งรัดพิจารณากฎหมายลูกจำนวน 8 ฉบับ เพื่อให้พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556(PPP) มีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ และจะรองรับแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานตามนโยบายของรัฐบาล


“กฎหมายPPP ซึ่งเป็นกฎหมายหลักได้มีผลบังคับใช้เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แต่เนื่องจาก การกำหนดรายละเอียดปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว ยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้ยังไม่มีโครงการใดได้เข้ามาอยู่ภายใต้กฎหมายนี้ ดังนั้น รัฐบาลชุดนี้ จึงเร่งดำเนินการ เพื่อให้มีผลบังคับใช้รองรับแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น ถนน สนามบิน ท่าเรือ รถไฟรางคู่ เป็นต้น”


ทั้งนี้ วันพุธที่ 11 ก.พ.นี้ กระทรวงการคลัง จะจัดให้มีการประชุมพิจารณากฎหมายลูกจำนวน 8 ฉบับดังกล่าว เพื่อเร่งสรุปรายละเอียดแนวทางปฏิบัติภายใต้กฎหมายหลัก จากนั้น จะมีการทำประชาพิจารณ์ร่วมกับภาคเอกชนอีกครั้ง คาดจะมีการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อออกประกาศรายละเอียดได้ในเดือนเมษายนนี้


สำหรับสาระสำคัญกฎหมายลูกจำนวน 8 ฉบับ ประกอบด้วย ฉบับที่ 1. คือ ร่างประกาศลักษณะการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนในส่วนที่เป็นสาระสำคัญตามมาตรา 47ว4 ฉบับที่ 2 คือ ร่างประกาศกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการที่มีวงเงินลงทุนต่ำกว่า 1พัน ฉบับที่ 3 คือ ร่างหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณมูลค่าโครงการตามมาตา 23 ฉบับที่ 4 คือ ร่างแผนยุทธศาสตร์ร่วมลงทุนตามมาตรา 19 และ มาตรา 20 ซึ่งสคร.ได้รวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานต้นสังกัดต่างๆ เพื่อนำมาประมวลสร้างเป็นแผนยุทธศาสตร์ ฉบับที่ 5 คือ ร่างหลักเกณฑ์การเปรียบเทียบต้นทุน ความเสี่ยง และความคุ้มค่าในการดำเนินโครงการที่หน่วยงานของรัฐจะดำเนินการโดยใช้งบประมาณแผ่นดินหรืองบประมาณของหน่วยงานของรัฐตามมาตรา 30ว4 ในหลักการของร่างนี้


ฉบับที่ 6 คือ ร่างรายละเอียดประกาศเชิญชวนเอกสารข้อเสนอการร่วมลงทุน ฉบับที่ 7 คือ ร่างหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำบัญชีรายชื่อที่ปรึกษาการลงทุน ฉบับที่ 8 คือ ร่างประกาศมาตรฐานข้อกำหนดสัญญาร่วมลงทุน โดยร่างนี้ จัดทำขึ้นเพื่อให้สัญญาการร่วมลงทุนใดๆกับภาคเอกชนนั้นมีความเป็นธรรม