กปปส.รายงานตัวคดีเป็นกบฎไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์

กปปส.รายงานตัวคดีเป็นกบฎไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์

"พระสุเทพ-แกนนำกปปส.28คน"รายงานตัวอธิบดีอัยการคดีพิเศษ คดีเป็นกบฎไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ปี 57

พระสุเทพ ปภากโร อดีตเลขาธิการ กปปส. , นายพิภพ ธงไชย , นายสุริยะใส กตะศิลา , นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ และ หลวงปู่พุทธอิสระ กับพวกที่แกนนำ กปปส. รวม 28 คน ซึ่งถูกแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันและสนับสนุนเป็นกบฏ , กระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดที่มิใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ , มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง , โดยเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่ยอมเลิก , ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน ปิดงานงดจ้าง , บุกรุกสถานที่ราชการ เดินทางเข้าพบ นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เพื่อรายงานตัวตามขั้นตอน ภายหลังจากวันที่ 8 พ.ค.57 คณะทำงานอัยการพิจารณาสำนวนพยานหลักฐานแล้ว มีความเห็นสั่งฟ้อง นายสุเทพ หรือพระสุเทพ เลขาธิการ กปปส. และแกนนำ กปปส. 43 คน ในข้อหาร่วมกันเป็นกบฎ และข้อหาอื่นๆ รวมทั้งกลุ่มนักวิชาการ 5 ที่ได้ร่วมขึ้นปราศรัยด้วย ในข้อหาร่วมกันสนับสนุนนายสุเทพ เลขาธิการ กปปส. กระทำการอันเป็นกบฏ แต่พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยังไม่ได้รับตัวพระสุเทพ กับพวกแกนนำ กปปส.ไว้สอบสวนและผู้ต้องหาดังกล่าวก็ยังไม่ได้ให้การกับพนักงานสอบสวนตามขั้นตอนให้ครบถ้วน ดังนั้นอัยการจึงให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ดำเนินการเรียกตัวผู้ต้องหามาสอบและสรุปเป็นสำนวนคำให้การตามขั้นตอนให้ครบถ้วนแล้ว ส่งสำนวนดังกล่าวกลับมาให้อัยการ

อย่างไรก็ตาม ก่อนเข้าพบอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ อดีตโฆษก กปปส. กล่าวว่า แกนนำ กปปส.ทุกคน เคารพกระบวนการยุติธรรม และพร้อมจะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด โดยไม่หลบหนีไปไหน ซึ่งแกนนำกปปส.ร่วมต่อสู้กับมวลมหาประชาชนด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยส่วนรวม ทั้งการต่อต้านออกกฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งมีผลเป็นการลบล้างความผิดให้กับนักการเมืองที่กระทำการทุจริต รวมไปถึงการเปิดโปงกระบวนการความเลวร้ายของระบอบที่หวังจะครอบงำระบบการเมืองของประเทศไทย ด้วยวิธีการนอกเหนือบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาเรายืนหยัดต่อสู้โดยใช้หลัก สงบ สันติ อหิงสา

"วันนี้เราขอตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการตั้งข้อกล่าวหา แกนนำ กปปส. และประชาชน มีพฤติการณ์พิเศษเป็นการตั้งข้อกล่าวหาที่รุนแรง โดยปราศจากมูลเหตุ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญและศาลแพ่งได้วินิจฉัยแล้วว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ"นายเอกนัฏ กล่าว

ด้านนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความของกลุ่ม กปปส. กล่าวว่า วันนี้ เราได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการด้วย ซึ่งก่อนหน้าเคยยื่นไปแล้ว 3 ฉบับ ขณะเดียวกันก็ยังเหลือผู้ต้องหาที่เป็นกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ยังต้องรอส่งตัวอีกประมาณ 10 คน โดยขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของพนักงานสอบสวนดีเอสไออีก ส่วนคดีของ กปปส. นี้ ก็พบว่าอัยการ ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาแล้ว 4-5 คน

ขณะที่นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยงค์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า วันนี้พนักงานดีเอสไอ นำผู้ต้องหา ที่เป็นแกนนำ กปปส. รวม 28 คน มารายงานตัวต่อพนักงานอัยการ ขณะที่อัยการนัดให้ผู้ต้องหาทั้งหมด มาฟังคำสั่งอีกครั้งในวันที่ 5 มี.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ส่วนที่ผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมมานั้น อัยการจะพิจารณาและตรวจดูเอกสารทั้งหมด เนื่องจากในหนังสือขอความเป็นธรรมมีหลายประเด็น เช่น ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส.เป็นไปด้วยความสงบชอบด้วยกฎหมาย และบางคนอยู่ในพื้นที่ชุมนุมแต่ไม่ได้ร่วมในการชุมนุมด้วย โดยยืนยันว่าทางอัยการจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ส่วนน.ส.จิตภัสร์ กฤดากร แนวร่วม กปปส. หนึ่งในผู้ต้องหานั้น วันนี้ไม่ได้มารายงานตัว โดยผู้ต้องหาทำหนังสือแจ้งมาก่อนแล้วว่า ติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งอัยการจะแจ้งให้ น.ส.จิตภัสร์ มารายงานตัวอีกครั้ง