นายกฯโชว์ลูกคอร้อง'ขอใจแลกเบอร์โทร'ในวันเด็ก

นายกฯโชว์ลูกคอร้อง'ขอใจแลกเบอร์โทร'ในวันเด็ก

"ประยุทธ์"โดนรุมขอเซลฟี่ในงานวันเด็กทำเนียบ โชว์ลูกคอร้อง"ขอใจแลกเบอร์โทร"และ"จงรัก" สอนให้เด็กตั้งใจเรียน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เป็นประธานเปิดงานวันเด็กแห่งชาติที่ทำเนียบรัฐบาล บริเวณสนามหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นงานวันเด็กที่เป็นความร่วมมือของหน่วยงานภายในรั้วทำเนียบรัฐบาล ได้แก่ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ รวมทั้งที่ทำการไปรษณีย์ ธนาคารและร้านค้าภายในทำเนียบ

โดยพลเอกประยุทธ์ได้ทำการเปิดงานด้วยการตัดริบบิ้นปล่อยลูกโป่ง และได้ชมพิธีเปิดซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมนำโขนเด็กมาแสดงเรื่องรามเกียรติ์ ตอนพิเศษ ชื่อตอนว่า “พักทัพสมานฉันท์” ซึ่งเป็นฉากการต่อสู้ของกองทัพยักษ์นำโดยทศกัณฑ์ และกองทัพฝ่ายเทพนำโดย พระราม และหนุมารทหารเอก ซึ่งมีการสู้รบกันและจู่ๆได้ยุติการสู้รบชั่วคราว เพื่อเป็นการสะท้อนถึงความขัดแย้งในประเทศไทยที่ต้องพักรบเพื่อพัฒนาประเทศ พร้อมกันนี้นักพากย์ยังได้ระบุว่า ขอให้เด็กๆพัฒนาประเทศไปข้างหน้าตามที่นายกรัฐมนตรีมอบคำขวัญวันเด็กให้ คือ ความรู้ คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต โดยก่อนจบการแสดงหนุมานได้ตีลังกา 8 ตลบ เพื่อปิดการแสดงซึ่งพล.อ.ประยุทธ์และผู้ชมรอบสนามหญ้าต่างพากันปรบมือให้

และจากนั้นเวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นไปยังห้องทำงานนายกรัฐมนตรีบนตึกไทยคู่ฟ้าและได้พบปะตัวแทนเด็กและเยาวชนจำนวน 34 คนทั่วประเทศ ประกอบด้วย ตัวแทนเด็กดี เด็กเก่ง เด็ก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เด็กด้อยโอกาส และตัวแทนเด็กแต่ละศาสนา พร้อมด้วยเด็กนักเรียนจากโรงเรียนวัดนวลนรดิศ ซึ่งเป็นโรงเรียนเดิมของ พลเอกประยุทธ์ และในโอกาสนี้พลเอกประยุทธ์ได้กล่าวกับตัวแทนเด็กและเยาวชนตอนหนึ่งว่า ขอให้เด็กและเยาวชนตั้งใจเรียนหนังสือ เลือกเรียนในวิชาสาขาที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน โดยเฉพาะตลาดแรงงานในอาเซียนเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 นี้ ประกอบไปด้วยสาขาวิชาวิศวกรรม การสำรวจ สถาปัตยกรรม แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล บัญชี การบริการ และการท่องเที่ยว โดยอาชีพเหล่านี้ จะมีการถ่ายเทแรงงานด้านฝีมือ ทำให้สามารถทำงานในประเทศสมาชิกได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบแนวคิดให้กับเด็กและเยาวชนให้มีความคิดสร้างสรรค์ในสิ่งที่แตกต่าง เพื่อเป็นจุดขายต่อยอดในการทำธุรกิจ เพิ่มช่องทางให้ประสบความสำเร็จต่อไป

หลังจากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ได้เดินพบปะพูดคุยกับตัวแทนเด็กและเยาวชนที่มาเข้าพบอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับให้เด็กและเยาวชนถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก พร้อมกับเปิดโอกาสให้ตัวแทนเด็กและเยาวชนนั่ง “เก้าอี้ประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี” ซึ่งเป็นครั้งแรกในการนำเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาใช้งานในรัฐบาลนี้ โดยเด็กที่ได้นั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นคนแรก คือ ด.ช.ฉัตรชัย ทองประศรี เด็กพิเศษ กล้ามเนื้ออ่อนแรง จากโรงเรียนสังวาลนนทบุรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ได้เขียนตอบ ส.ค.ส.ปีใหม่ที่มีเด็กและเยาวชนเขียนมาอวยพรและให้กำลังใจ โดยพล.อ.ประยุทธ์ได้เขียนตอบกลับด้วยลายมือว่า “ขอขอบคุณเด็กเด็ก ที่อวยพรให้กำลังใจ ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จ มีอนาคตที่ดี และเป็นกำลังสำคัญของชาติ บ้านเมืองตลอดไป พวกเราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อลูกหลานต่อไป”

และจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงมาจากตึกไทยคู่ฟ้าบริเวณทางเชื่อมเพื่อจะเดินไปยังตึกสันติไมตรี ซึ่งจุดนี้มีเด็กๆและผู้ปกครองมายืนรอพบและถ่ายรูปกับพล.อ.ประยุทธ์จำนวนมากตลอดทางเดินจนทำให้ทีมรปภ.ต้องระดมกำลังมามากขึ้น โดยทันทีที่พล.อ.ประยุทธ์เดินออกมาจากตึกไทยคู่ฟ้าเด็กและผู้ปกครองก็พากันตะโกนเฮและปรบมือ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ก็ได้ยกมือสวัสดีและชูนิ้วสัญลักษณ์ “ไอ เลิฟ ยู” ให้ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เซ็นชื่อบนกีตาร์ เสื้อ และลูกฟุตบอล ให้กับศิลปินจากบริษัทอาร์เอส คือ นายลภัส งามเชวง(เติร์ด) และนายธนัท รัตนสิริพันธ์(มาร์ค) ที่นำเยาวชนจากมูลนิธิรักษ์ไทยมารอพบนายกฯ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในด้านดนตรีและกีฬา และจากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ต้องเดินท่ามกลางวงล้อมของเด็กและผู้ปกครองที่จะเข้ามาขอจับมือ ขอลายเซ็นและถ่ายรูปคู่ในแบบใช้กล้องหน้าจากโทรศัพท์มือถือ หรือ ที่เรียกว่า “เซลฟี่” ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ก็หยุดเดินและให้ถ่ายรูปด้วย

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีในการฝ่าวงล้อมเข้ามาในตึกสันติไมตรีพร้อมกับเสียงปรบมือต้อนรับเพื่อชมการแสดงการแสดงหุ่นเชิดของกระทรวงวัฒนธรรม เรื่องเจ้าชายกบ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้ร่วมชมและปรบมือให้กับการแสดง และจากนั้นได้ขึ้นเวทีกล่าวที่โพเดี้ยมโดยมีตุ๊กตาหุ่นเชิดที่เป็นตัวละครเจ้าหญิงมาตั้งบนโพเดี้ยมและยืนกอดพร้อมกับกล่าวเปิดงานวันเด็กที่ทำเนียบรัฐบาลตอนหนึ่งว่า งานวันเด็กแห่งชาติจัดมาแล้ว 60 ปี เท่าอายุของลุงนี่แหละ และเมื่อ 60 ปีที่แล้วบ้านเมืองไม่ได้ขัดแย้งแบบนี้ ไม่มีการประท้วงแบบนี้ทำให้โตมาได้โดยไม่มีอุปสรรคมากนัก แต่วันหน้าจะเจอสิ่งแบบนี้มากขึ้นเพราะโลกไร้พรหมแดน โซเชียลมีเดียร์มีมากขึ้น อย่างไรก็ตามลุงมีโอกาสเที่ยวงานวันเด็กมาตั้งแต่เด็ก คุณแม่เป็นครูและดุด้วย ลุงก็เลยสนใจเรียนหนังสือตั้งแต่เด็ก อยู่บ้านต้องเรียน ต้องอ่านหนังสือ ไปโรงเรียนกลับมาก็ต้องทำการบ้าน ดูหนังสือและสอบก็ต้องทำให้ดีที่สุด และเวลาถือสมุดพกมาให้พ่อแม่ดูก็เป็นความภูมิใจว่าสอบได้ที่เท่าไร แต่บังเอิญว่าเรียนดี สอบได้ที่หนึ่งบ้างที่สองบ้างพ่อแม่ก็มีความสุข ดังนั้นสิ่งที่อยากฝากคือความรู้ ขอให้เรียนหนังสือแล้วจะได้แข่งขันกับเขาได้ และเป็นเด็กต้องเรียนหนังสือ ไปโรงเรียน เชื่อฟังพ่อแม่ และขอให้เด็กๆตั้งมั่นใจวันเด็กว่าจะเริ่มทำอะไรดีดีได้บ้าง เช่น กลับไปบ้านจะกราบพ่อแม่ อ่านหนังสือ หรือทำการบ้าน ไม่เล่นเกมก่อนทำการบ้าน ไม่ดูหนังและละครก่อนทำการบ้านเสร็จ ขอให้รักพ่อแม่ให้มาก เพราะพ่อแม่เป็นพระประจำบ้าน และวันหน้าเราต้องอุ้มพ่อแม่ด้วยเมื่อแก่เฒ่า เพราะวันนี้พ่อเขาอุ้มเรามาดูงานวันเด็ก รวมทั้งปฏิบัติตัวตามหลักค่านิยม12 ประการ ขอแค่นี้บ้านเมืองก็มีความปลอดภัย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเชิงสอนว่า เด็กที่อยากได้ไอแพด อยากได้ไอโฟน ขอให้อดทน ต้องรู้จักพอประมาณอย่าไปขอพ่อแม่ หากอยากได้ต้องตั้งใจเรียนหนังสือและทำงาน เพราะราคาสูงเป็นหลักหมื่นสองหมื่นบาท บางคนพ่อแม่เงินเดือนหมื่นกว่าบาท แต่ต้องซื้อโทรศัพท์ให้ลูกเอาไปอวดเพื่อนต้องไปผ่อนหนี้นอกระบบ ใช้บัตรเครดิตเพื่อซื้อให้และต้องมานั่งใช้หนี้แล้วก็โดนทวงหนี้เพราะไม่มีเงินไปจ่ายเขา ก็ขอให้เห็นใจพ่อแม่ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทักทายเยาวชนอีกครั้งและเดินไปยังเวทีกิจกรรมของบริษัท ทรูฯที่ห้องโถงกลาง ตึกสันติไมตรี ที่นำศิลปินเอเอฟและเดอะว็อยมาร่วมเวที ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์เดินไปขณะที่ศิลปินกำลังร้องเพลง “วันพรุ่งนี้” ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ก็ได้ร่วมร้องตาม และเมื่อจบเพลงก็ขอให้ช่วยกันร้องเพลง “คืนความสุข” ซึ่งเด็กบนเวทีและที่อยู่ด้านล่างเวทีก็พากันร้อง และพล.อ.ประยุทธ์ก็ได้ร่วมร้องคลอไปด้วย ต่อจากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ได้เยี่ยมชมบูธกิจกรรมที่ตึกสันติไมตรีหลังใน และได้ชมบูธของกระทรวงวัฒนธรรมซึ่งเป็นช่วงที่เยาวชนกำลังแสดงการร้องเพลงค่านิยม 12 ประการ และต่อจากนั้นพลเอกประยุทธ์ก็ไปชมการแสดงโปงลาง ซึ่งจุดนี้เองวงโปงลางได้บรรเลงเพลง “ขอใจแลกเบอร์โทร” ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์นอกจากยืนฟังแล้วก็ได้ร้องคลอๆไปด้วย

ต่อจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เดินเยี่ยมชมบูธต่างๆและทักทายเด็กๆตลอดทางและได้เข้าชมบูธของกองดุริยางค์ทหารบกบริเวณสนามหญ้าหน้าตึกสันติไมตรี ซึ่งวงดุริยางค์ก็ได้บรรเลงเพลง “ขอใจแลกเบอร์โทร” อีกรอบ ซึ่งคราวนี้พล.อ.ประยุทธ์ได้คว้าไมโครโฟนมาร่วมร้องจนจบเพลง และได้ขอให้บรรเลงเพลง “จงรัก” ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้ร้องเพลงจงรักจนจบเพลง พร้อมกับกล่าวทันทีที่จบเพลงว่า “ขอให้รักประเทศเหมือนที่ผมรัก” ท่ามกลางเสียงปรบมือโห่ร้อง และจากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ได้เดินไปเยี่ยมชมหมู่บ้านอาเซียนแต่วงดุริยางค์ฯก็ได้บรรเลงเพลงคืนความสุข ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ก็เดินร้องเพลงคืนความสุขไปด้วย พร้อมกับเดินทักทายเด็กๆในงาน และถัดมาก็ได้ขึ้นไปชมการฉายภาพยนตร์บนรถโรงหนัง ของกระทรวงวัฒนธรรม ก่อนจะเดินทักทายและให้ถ่ายรูปเป็นช่วงสุดท้ายและเดินทางกลับออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลาทั้งหมดในการเดินชมงาน 2 ชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับบรรยากาศงานวันเด็กที่ทำเนียบรัฐบาลนั้นเป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะการเข้าชมตึกไทยคู่ฟ้า ห้องทำงานนายกรัฐมนตรีและห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีการแจกบัตรคิวแบ่งเป็น 2 รอบ คือรอบเช้าและรอบบ่าย รอบละ 1,000 คน แต่ก็ไม่เพียงพอกับความต้องการเข้าชมที่มีจำนวนมาก และนอกจากนี้ยังมีบูธกิจกรรมต่างๆที่ได้รับความสนใจเนื่องจากมีเกมชิงรางวัล แจกขนม แจกอาหารและเครื่องดื่ม มีบริการตัดผมและทำฟันฟรี ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดตั้งแต่ประตูทางเข้าเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐที่มีการตั้งเครื่องแสกนวัตถุต้องสงสัย 3 เครื่อง มีการตรวจค้นกระเป๋าและตรวจกล้อง