คนรักสัตว์ยื่นรายชื่อหาบ้านให้'บัวน้อย'

คนรักสัตว์ยื่นรายชื่อหาบ้านให้'บัวน้อย'

กลุ่มคนรักสัตว์ยื่น36,000รายชื่อ ต่ออธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชหาบ้านให้ "บัวน้อย"กอลิล่ายักษ์

กลุ่มคนรักสัตว์ยื่น 36,000 รายชื่อ ต่ออธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อหาบ้านใหม่ให้เจ้า "บัวน้อย" กอลิล่ายักษ์ที่อาศัยอยู่ในสวนสัตว์ลอยฟ้าของห้างพาต้า ปิ่นเกล้า มานานกว่า 30 ปี เจ้าของสวนสัตว์พาต้า โวยอย่าใช้กฎหมู่บีบเหนือกฎหมาย ยันมีใบอนุญาตถูกต้อง ดูแลกอลิล่าอย่างดี

หลังจากมีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องมากว่า 1 ปี ล่าสุดกรมอุทยานฯได้ส่งสัญญาณที่ดีในการรับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มคนรักสัตว์ ที่ได้รวมรวมรายชื่อผ่าน www.change.org/buanoi ได้ 36,000 รายชื่อ โดยนอกจากจะสนับสนุนการหาบ้านใหม่ให้กอลิล่าแล้ว ยังผลักดันให้กรมอุทยานฯ เพิกถอนใบอนุญาตสวนสัตว์ลอยฟ้าแห่งนี้ด้วย เนื่องจากปัจจุบันยังคงเปิดดำเนินการ และภายในสวนสัตว์ถูกปล่อยให้มีสภาพทรุดโทรม

ตัวแทนกลุ่มคนรักสัตว์ นางศิลจิรา อภัยทาน บอกว่าการเพิกถอนใบอนุญาตครั้งนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อเจ้าบัวน้อยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสัตว์ป่าหายากที่อยู่ในสวนสัตว์นี้ด้วย

ด้านอธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายนิพนธ์ โชติบาล กล่าวว่า กรมอุทยานฯ ไม่ได้ละเลยในปัญหาดังกล่าว และได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มคนรักสัตว์ไว้พิจารณา

วันนี้สวนสัตว์พาต้าได้รับการต่อใบอนุญาตล่าสุดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ภายมา ภายใต้คณะกรรมการตรวจสอบ ที่มีข้อแม้ให้ปรับปรุงแผนจัดการด้านอัคคีภัย โดยภายใน 180 วัน หลังจากออกใบอนุญาต หรือวันที่ 30 มิ.ย. 58 จะต้องนำกอลิล่าออกจากสวนสัตว์ลอยฟ้าเพื่อความปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม การนำกอลิล่าในวัย 27-28 ปีซึ่งใช้ชีวิตอยู่บนชั้น 7 ของห้างพาต้ามาตั้งแต่วัยเด็กไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ขณะที่สัตวแพทย์เองก็ยังไม่มั่นใจว่ากอลิล่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่บนพื้นดินได้หรือไม่ขณะที่แบคทีเรียในดินบางชนิดจะก่อโรคในกอลิร่าหรือไม่

นายคณิต เสริมศิริมงคล ผู้อำนวยการสวนสัตว์พาต้า กล่าวถึงกรณีเอ็นจีโอเรียกร้องให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการสวนสัตว์ โดยยืนยันว่ามีการต่อใบอนุญาตอย่างถูกต้องทุก1ปี หลังจากก่อนหน้านี้เคยถูกโจมตีว่าสวนสัตว์ดูแลสัตว์ในการครอบครองไม่ดี แต่เมื่อเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบไม่พบปัญหาอะไร แต่ติดเงื่อนไขเรื่องการเพาะสัตว์อื่นๆมากเกินจำนวนจนขยับขยายไปไว้ที่อื่น และหลังจากนี้ก็จะมีการต่อใบอนุญาตอีก5 ปี ทั้งนี้ฝากว่ากลุ่มเอ็นจีโอที่ออกมาประท้วงอย่าถใช้กฎหมู่มาบีบให้เหนือกฎหมาย หากสวนสัตว์ไม่มีใบอนุญาตหรือไม่ได้มาตรฐานที่เป็นรูปธรรมก็ให้แก้กฎหมายบังคับใช้กับสวนสัตว์เอกชนทุกแห่งให้ปฎิบัติเหมือนกัน

ส่วนข้อเสนอของเอ็นจีโอให้ย้ายบัวน้อยไปอยู่ในสวนสัตว์อื่นๆที่ไม่ใช่สวนสัตว์ลอยฟ้านั้น ยอมรับว่าผมถามว่าทุกสันนี้เราดูแลบัวน้อยเป็นอย่างดี ทั้งสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจแข็งแรง ไม่มีโรคหรือภาวะความเครียด หากเอาบัวน้อยไปอยู่บนดินและตายไปใครจะรับผิดชอบ ขณะนี้ในไทยและเอเชีย มีคิงคองเพศเมียสัตว์หายากต้วนี้เหลืออยู่ตัวเดียว และเป็นที่ต้องการของสวนสัตว์ทั่วโลก แต่ถ้าถามว่ามีแผนจะย้ายหรือไม่ ยอมรับว่าอีกสัก5ปีอาจจะย้ายไปอยุ่บนดิน แต่เหตุผลมาจากสัตว์ชนิดอื่นไที่เพิ่มขึ้นแต่ไม่เกี่ยวกับ

เอ็นจีโอหกล่าวหาว่าดูแลสัตว์ไม่ดี

ส่วนนายมานพ ประดิษฐ์วงศ์สิน สัตวแพทย์ที่ปรึกษาสวนสัตว์พาต้า กล่าวว่า การเรียกร้องของเอ็นจีโอที่ต้องการให้เอาบัวน้อยลงไปอยู่บ้านใหม่ บนพื้นดินที่มีลักษณะและบรรยากาศธรรมชาตินั้น ตนไม่เห็นด้วย เพราะเคยเกิดเหตุการณ์ที่สิงคโปร์มีการเลี้ยงกอลิล่าบนพื้นดินประมาณ 6 ตัว ปรากฎติดเชื้อแบตทีเรียจากดิน เป็นโรคไข้ดิน ทำให้กอลิล่าที่สิงคโปร์ตายหมด ดังนั้นหากนำลงดิน โอกาสในการติดเชื้อสูงมาก จึงเห็นควรให้อยู่บนพื้นซิเมนต์ เช้า เย็นมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อทุกวัน ทำให้กอลิล่ามีสุขภาพแข็งแรงทุกวันนี้