เปิดปูม'หลวงปู่พุทธะอิสระ'

เปิดปูม'หลวงปู่พุทธะอิสระ'

เปิดปูม "หลวงปู่พุทธะอิสระ" จากวัดอ้อน้อยถึงเวทีแจ้งวัฒนะ

ท่ามกลางมวลชนจากหลากหลายสาขาอาชีพ หลากหลายที่มา ที่พร้อมใจกันเข้าร่วมชุมนุมกับ กปปส. หรือ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ปรากฏว่ามีพระภิกษุรูปหนึ่งร่วมขบวนอยู่ด้วย ซ้ำยังมีบทบาทเด่นในฐานะแกนนำ

พระภิกษุรูปนั้นคือ หลวงปู่พุทธะอิสระ แห่งวัดอ้อน้อย (ธรรมะอิสระ) อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

หลวงปู่พุทธะอิสระ ไม่ใช่แกนนำธรรมดา แต่เคยขึ้นเวทีปราศรัยทั้งเดี่ยวๆ และพร้อมกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เคยร่วมขบวนไปชักชวนประชาชนเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ 13 ม.ค.จนหวิดถูกทำร้ายจากมวลชนฝ่ายตรงข้าม และล่าสุดยังรับเป็นผู้ดูแลเวทีศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ ในปฏิบัติการ "ปิดกรุงเทพฯ" หรือ "ชัตดาวน์แบงค็อก" ด้วย

ทั้งๆ ที่เวทีแจ้งวัฒนะ ซึ่งมีการปิดถนนยาวตลอดด้านหน้าศูนย์ราชการฯนั้น เป็นหนึ่งใน 3 จุดเสี่ยงที่สุดจากทั้งหมด 7 จุด 7 เวทีของการชุมนุมปิดกรุงเที่ยวนี้ ตามการประเมินของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) และหน่วยข่าวความมั่นคง

สาเหตุที่เวทีศูนย์ราชการฯ มีความเสี่ยง เพราะจัดเป็น "เวทีชายขอบ" ตั้งอยู่ไกลที่สุดหากเทียบกับเวทีอื่นๆ อีก 6 เวทีซึ่งล้วนอยู่ใจกลางเมือง ทั้งยังเป็นเขตพื้นที่รอยต่อของเขตดอนเมือง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และ จ.ปทุมธานี ด้วย ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าพื้นที่ดังกล่าวล้วนเป็นฐานสนับสนุนอันสำคัญของรัฐบาล เพราะคับคั่งไปด้วยมวลชนคนเสื้อแดง

คำถามสำคัญที่ถามไถ่กันยามนี้เกี่ยวกับหลวงปู่พุทธะอิสระ ก็คือ เหตุใดหลวงปู่จึงรับดูแลเวทีแจ้งวัฒนะ นอกเหนือจากคำถามอื่นๆ ที่เคยถามกันเซ็งแซ่มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความเหมาะสมของ "สมณสารูป" ในการเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือการนำเอาศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองมากเกินไปหรือไม่

จากการสอบถามลูกศิษย์ที่รับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่ ทำให้ทราบว่า สาเหตุที่หลวงปู่พุทธอิสระรับภารกิจสำคัญที่เวทีศูนย์ราชการฯ เนื่องจากมีศิษยานุศิษย์จำนวนมาก มีความพร้อมในเรื่องกำลังคนที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระและมีประสิทธิภาพ พร้อมที่จะปกป้องหลวงปู่ในทุกพื้นที่ที่หลวงปู่เข้าไปเคลื่อนไหว

ยิ่งไปกว่านั้น ถนนแจ้งวัฒนะยังเป็นถนนสายที่สามารถเดินทางไป-มาระหว่างกรุงเทพฯกับนครปฐม โดยเฉพาะ อ.กำแพงแสน สถานที่ตั้งวัดได้ไม่ยาก ที่สำคัญย่านแจ้งวัฒนะช่วงที่ถูกน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 54 เป็นพื้นที่ที่วัดอ้อน้อยจัดอาหารและเครื่องอุปโภคบริโภคมาแจกจ่ายช่วยเหลือญาติโยม จึงน่าเชื่อว่าวัดอ้อน้อยน่าจะมีมิตรมากกว่าศัตรู

อย่างไรก็ดี ครั้งนี้มิใช่ครั้งแรกที่หลวงปู่พุทธะอิสระร่วมเคลื่อนไหวทางการเมือง และไม่ใช่ครั้งแรกที่ตกเป็นข่าวใหญ่โต เพราะในอดีตหลวงปู่เคยขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาแล้ว และเมื่อปีที่แล้วก็มีกรณีตกเป็นข่าวใหญ่ทางหน้าหนังสือพิมพ์หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นกรณีการประกาศขายวัดมูลค่า 2 พันล้านบาทเพื่อย้ายหนีจากโรงงานอาหารสัตว์ที่หลวงปู่มองว่าเปิดกิจการโดยไม่ได้พิจารณาเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม

นอกจากนั้น ยังมีการให้สัมภาษณ์ตอบโต้กับ พระเกษม อาจิณณสีโล แห่งสำนักสงฆ์วัดป่าสามแยก กรณีตีความพระไตรปิฏก และการร่วมเปิดโปง หลวงปู่เณรคำ รวมทั้ง หลวงพี่น้ำฝน แห่งวัดไผ่ล้อม ในเรื่องการสะสมรถหรูอีกด้วย

หลวงปู่พุทธะอิสระ หรือ พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม เป็นชาวกรุงเทพฯโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันที่ 1 ม.ค.2499 ที่เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร การศึกษาทางโลกหลวงปู่เรียนไม่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ส่วนในทางธรรมนั้น จบนักธรรมเอก และได้อุปสมบทเมื่ออายุ 21 ปี

สาเหตุที่บรรดาศิษยานุศิษย์ขนานนาม "หลวงปู่" ก็เพราะท่านสามารถเทศน์ได้แตกฉาน สอนคติธรรมต่างๆ ได้อย่างชัดเจนเกินอายุ ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสแสดงธรรมที่วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี การแสดงธรรมครั้งนั้นจับใจผู้ฟัง ไม่มีใครคิดว่าพระหนุ่ม พรรษาก็ไม่มาก จะแสดงธรรมได้ดีถึงเพียงนี้ น่าจะเป็นพระอาวุโสมากกว่า จึงเรียกท่านว่า "หลวงปู่" แล้วเรียกกันต่อๆ มา

หลวงปู่พุทธะอิสระ เคยธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ และได้ไปพักจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำไก่หล่น จ.ประจวบคีรีขันธ์ จนมีลูกศิษย์ที่เป็นตำรวจ ทหารมากพอสมควร และเป็นช่วงที่ผู้ศรัทธาเริ่มเล่าต่อกันถึงการมีหลวงปู่หนุ่มแสดงธรรมอยู่ที่หัวหิน

ปี 2532 มีผู้ศรัทธาถวายที่ดินสำหรับสร้างวัดใน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม หลวงปู่จึงสร้างวัดอ้อน้อยจนแล้วเสร็จ จากนั้นได้จัดพิธีผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิตในวันที่ 13 ก.พ.2542 โดย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้เสด็จเป็นองค์ประธานจุดเทียนชัย

ในแวดวงการเมือง หลวงปู่พุทธะอิสระเป็นที่รู้จักของนักการเมืองมากหน้า และตกเป็นที่จับตามองอย่างกว้างขวางเมื่อครั้งที่มีพิธียกองค์พระพุทธรูปประจำวัดขึ้นประดิษฐาน เพราะมีนายทหารระดับสูงไปร่วมงานกันแน่นขนัด จนมีนิตยสารข่าวรายสัปดาห์ฉบับหนึ่งประโคมข่าวมาแล้ว

แม้แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังเคยเดินทางไปนมัสการหลวงปู่ที่วัด

สำหรับเหตุผลที่ หลวงปู่พุทธะอิสระ ตัดสินใจร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น หลวงปู่เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า "อาณาจักร" กับ "ศาสนจักร" ต้องเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน หากอาณาจักรล้มลง ศาสนจักรก็ไม่อาจอยู่ได้

อย่างไรก็ดี บทบาทของหลวงปู่ก็ถูกเพ่งเล็งจากมหาเถรสมาคม และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ถึงกับออกหนังสือเตือนอย่างเป็นทางการ ซ้ำยังถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียกในข้อหากบฏ และก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองด้วย

นับเป็นบทพิสูจน์จุดยืนของหลวงปู่พุทธอิสระที่ว่า อาณาจักรย่อมไม่สามารถแยกขาดจากศาสนจักร...และศีลธรรมไม่สามารถแยกขาดจากใจคน!