TRUE : ซื้อเก็งกำไร

TRUE : ซื้อเก็งกำไร

ระดมทุนครั้งใหญ่เพิ่มมูลค่าหุ้น แต่ล้างขาดทุนสะสมไม่หมด

ขายทรัพย์สินฯ และธุรกิจ Non core 8 บริษัทจะมีกำไรต่อหุ้น 2.37 บาท


TRUE และบริษัทย่อยจะขายทรัพย์สินและให้เช่าทรัพย์สินทรัพย์บางส่วนมูลค่ารวมไม่น้อยกว่า 70,000 ล้านบาท รวมทั้งขายเงินลงทุนในหุ้นสามัญ 8 บริษัทย่อยที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non Core) มูลค่ารวม 5,393 ล้านบาท ให้แก่บริษัทธนเทเลคอม (เครือ CP) มูลค่าการขายทรัพย์สินฯ และ 8 บริษัทครั้งนี้สูงกว่ามูลค่าตามบัญชีสุทธิของทรัพย์สินฯ ราว 1.89 เท่า และ 1.36 เท่า ตามลำดับ เราประเมิน TRUE จะมีกำไรก่อนภาษีประมาณ 34,399 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น 2.37 บาท กรณีเสียภาษีจะมีกำไรราว 27,519 ล้านบาท หรือ 1.90 บาทต่อหุ้น (อัตราภาษี 20%)


คาด Infra Fund เพิ่มมูลค่าหุ้นอย่างน้อย 1.50 บาทต่อหุ้น


กรณีบริษัทได้เงินจากการขายทรัพย์สินฯ ขั้นต่ำ 70,000 ล้านบาทและนำไปลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานสัดส่วน 33.33% จะเหลือเงินราว 52,062 ล้านบาท เราประเมินหลังการขายทรัพย์สินฯ จะมีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานราว 30,373 ล้านบาท จากการเสียรายได้ราว 75% ของรายได้ต่อปี 6,000 ล้านบาทจากการให้เช่าอุปกรณ์โครงข่าย 5,000 สถานี และต้องจ่ายค่าเช่าทรัพย์สินต่อปี 3,700 ล้านบาท ระยะเวลา 15 ปี เบื้องต้นเราคาดว่าธุรกรรมนี้จะทำให้ TRUE มีมูลค่าต่อหุ้นเพิ่มอย่างน้อย 1.50 บาท จากมูลค่าเหมาะสม 6.90 บาท และประเมินการขายทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงขึ้นทุก 10,000 ล้านบาท จะเพิ่มมูลค่าต่อหุ้นอีก 0.46 บาท


ฐานะการเงินดีขึ้นแต่ยังล้างขาดทุนสะสมไม่หมด


เราประเมินกรณี TRUE นำเงินบางส่วนราว 46,669 ล้านบาทไปจ่ายคืนหนี้ จะทำให้หนี้สินที่มีดอกเบี้ยลดลงเหลือ 55,951 ล้านบาท จากปัจจุบัน 102,620 ล้านบาท และมีอัตราหนี้สินสุทธิต่อส่วนผู้ถือหุ้น (Net debt / Equity) ลดลงเหลือ 1.7 เท่า จากปัจจุบัน 7.5 เท่า ขณะที่ขาดทุนสะสมลดลงเหลือ 40,248 ล้านบาท จากปัจจุบัน 56,709 ล้านบาท หากต้องการล้างขาดทุนสะสมทั้งหมด TRUE จะต้องมีแนวทางอื่นเพิ่มเติม เรามองว่าการลดทุนด้วยการลดพาร์อาจเป็นอีกแนวทางที่จะเกิดขึ้นต่อไปเพื่อล้างขาดทุนสะสมทั้งหมด ทำให้ TRUE มีโครงสร้างเงินทุนดีขึ้น


หากระดมทุนผ่าน Infra Fund สำเร็จ จะเป็นบวกต่อปัจจัยพื้นฐาน


เรามองว่าหาก TRUE จัดตั้งกองทุนฯสำเร็จจะเป็นการระดมทุนครั้งใหญ่ที่เป็นปัจจัยบวกต่อฐานะการเงินและเพิ่มมูลค่าต่อหุ้น TRUE อย่างน้อย 1.50 บาท จากมูลค่าเหมาะสมเดิมที่ 6.90 บาทเป็น 8.40 บาท และจะเพิ่มมากขึ้นถึงระดับ 9.77 บาท (กรณีที่ขนาดกองทุนถึง 1 แสนล้านบาท) นอกจากนี้ เรายังไม่รวมผลตอบเงินปันผลจากการถือหน่วยกองทุนฯ และรายได้ดูแลโครงข่ายให้กองทุนฯซึ่งจะเป็นส่วนเพิ่มต่อมูลค่าหุ้น เราจึงปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อเก็งกำไร” (จากเดิมขาย) อย่างไรก็ดี เสาโทรคมนาคมบางส่วนยังมีข้อพิพาทกับ กสท. (CAT) อาจเป็นอุปสรรคต่อการตั้งกองทุนฯ