n-MASK หน้ากากอนามัยสลายเชื้อโรค

n-MASK หน้ากากอนามัยสลายเชื้อโรค

ทุกคนสามารถทำได้และช่วยให้ห่างไกลจากโรคได้ คือ การสวมหน้ากากอนามัย

โรคติดต่อมีอยู่หลายชนิดที่สำคัญ ได้แก่ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจซึ่งเกิดจากการติดเชื้อโรคของระบบทางเดินหายใจที่เกิดขึ้นได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ บางคนอาจเป็นปีละหลายครั้ง เช่น โรคหวัด ที่แม้จะหายได้เองถ้าได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง แต่ก็ส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพและเศรษฐกิจ

ส่วนโรคที่มีความรุนแรงและมีโอกาสที่จะเกิดการระบาดใหญ่ได้ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก หากเกิดการระบาดก็จะทำให้เกิดความสูญเสียอย่างมากและเกิดผลกระทบวงกว้างในหลายประเทศ แนวทางป้องกันโรคร้ายเหล่านี้จึงเกิดขึ้น เริ่มต้นด้วยวิธีการง่ายๆที่ทุกคนสามารถทำได้และช่วยให้ห่างไกลจากโรคได้ คือ การสวมหน้ากากอนามัย

จุดเริ่มต้นงานวิจัย

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า เมื่อพูดถึงหน้ากากอนามัยคนส่วนใหญ่จะนึกถึงหน้ากากอนามัยแบบครึ่งหน้าที่ใช้สำหรับป้องกันฝุ่นละอองที่นิยมใช้กันและเห็นกันอยู่ทั่วไป ซึ่งมีทั้งชนิดที่เป็นผ้าสามารถซักแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้และชนิดที่ใช้แล้วทิ้ง แต่ดูเหมือนหน้ากากอนามัยชนิดใช้แล้วทิ้งจะเป็นที่นิยมใช้มากกว่า จึงมอบหมายให้ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค/สวทช.) ทำวิจัยหน้ากากอนามัย โดยเน้นถึงการใช้งานของหน้ากากอนามัยชนิดใช้แล้วทิ้งเป็นหลัก

ดร.นฤภร มนต์มธุรพจน์ นักวิจัยเอ็มเทค และทีมงาน ได้พัฒนาผงวัสดุเชิงประกอบของ "ไฮดรอกซีอาปาไทต์ไททาเนียมไดออกไซด์" เป็นวัสดุที่พัฒนาขึ้นและอาศัยคุณสมบัติของวัสดุ 2 ชนิด ได้แก่ ไฮดรอกซีอาปาไทด์ ซึ่งเป็นวัสดุเซรามิกที่มีส่วนประกอบใกล้เคียงกับกระดูกธรรมชาติซึ่งถูกนำมาใช้งานทางด้านการแพทย์ เช่น เป็นวัสดุทดแทนกระดูกมนุษย์ เป็นต้น ด้วยคุณสมบัติไฟฟ้าสถิต อันเนื่องจากการยึดเกาะแบบจำเพาะของประจุแคลเซียม และการสลายตัวแบบพิเศษของประจุฟอสเฟตจากผิวของอาปาไทต์ ทำให้ไฮดรอกซีอาปาไทด์สามารถจับยึดไวรัส แบคทีเรีย หรือจุลินทรีย์ซึ่งมีประจุบนผิวเซลล์ไว้ได้

คุณสมบัติดังกล่าวนี้ทำให้ต่อมามีการนำเอาไฮดรอกซีอาปาไทด์มาใช้ในงานด้านหน้ากากอนามัย นอกจากนี้ยังมี ไททาเนียมไดออกไซด์หรือไททาเนีย วัสดุเซรามิกที่มีคุณสมบัติเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาการย่อยสลายโมเลกุลของสารอินทรีย์ เช่น สารพิษ แบคทีเรีย ไวรัส จุลินทรีย์ หรือกลิ่น ภายใต้สภาวะแสงให้อยู่ในรูปของโมเลกุลอื่นๆ ที่มีขนาดเล็กและไม่เป็นอันตราย

จุดเด่นกรองอากาศถึง 4 ชั้น

ด้านความแตกต่างของหน้ากากอนามัย n-Mask กับหน้ากากอนามัยอื่นๆ ที่เป็นชนิดเดียวกันคือ
หน้ากากอนามัยทั่วไป ประกอบด้วย ผ้า 3 ชั้น ความสามารถในการกรองอนุภาคขึ้นอยู่กับขนาดของช่องว่างระหว่างเส้นใยในผ้า ซึ่งก็แตกต่างกันไปตามคุณภาพของผ้าที่ใช้ ขณะที่หน้ากาก n-Mask ประกอบด้วยผ้า 4 ชั้น โดยชั้นที่ 2 ของหน้ากากจะเคลือบวัสดุเชิงประกอบของไฮดรอกซีอาปาไทต์-ไททาเนียมไดออกไซด์ ที่มีคุณสมบัติในการจับยึดไวรัส แบคทีเรียและจุลินทรีย์ และกำจัดสารพิษ เช่นคาร์บอนมอนนอกไซด์ และไฮโดรคาร์บอน ขณะที่ผ้าใยในชั้นถัดมา (ชั้นที่ 3) มีขนาดของช่องว่างระหว่างเส้นใยที่เล็กมากๆ เพื่อช่วยกรองอนุภาคเพิ่มอีกชั้นหนึ่ง


การใช้งาน n-Mask ก็จะเหมือนกับหน้ากากอนามัยทั่วไป แต่ประโยชน์ในการใช้งานจะมุ่งเน้นที่สามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสสำหรับป้องกันโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น โรคไข้หวัด โรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 และโรคหอบหืด ฯลฯ เมื่อได้ผ่านการทดสอบโดยนำวัสดุเชิงประกอบของไฮดรอกซีอาปาไทด์ไททาเนียมไดออกไซด์ เคลือบลงบนผ้านอนวูฟเวนยังพบว่า ผ้าเคลือบดังกล่าวสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและไวรัสได้ถึง ร้อยละ 50 และ 70 ตามลำดับภายใต้แสงยูวี