พีซีซีขู่ฟ้องสตช.ถ้ายกเลิกสัญญาสร้างโรงพัก

พีซีซีขู่ฟ้องสตช.ถ้ายกเลิกสัญญาสร้างโรงพัก

"สันธนะ"แถลงขู่ฟ้อง สตช. ถ้าเลิกสัญญาสร้างโรงพัก แนะทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน

พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษาส่วนตัวของนายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล ประธานกรรมการ บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการว่าจ้างจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ดำเนินงานโครงการก่อสร้างอาคารสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง ทั่วประเทศ มูลค่า 5,848 ล้านบาท ได้เปิดแถลงข่าวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง และเรียกร้องขอความเป็นธรรม หลังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ผู้ประกอบการส่งมอบงานภายในวันที่ 17 เมษายนนี้ ซึ่งหากไม่สามารถปฏิบัติตามในกำหนดจะบอกเลิกสัญญาอย่างเป็นทางการ

พ.ต.ท.สันธนะ แถลงว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่อสังคมนั้น ไม่ใช่ทั้งหมด บางเรื่องถูกปกปิดไว้ เช่น การเบิกจ่ายงบประมาณก่อสร้าง บริษัทเพิ่งเบิกไปจำนวน 1,532 ล้านบาท คิดเป็น 26 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมาก็ดำเนินการก่อสร้างไปแล้วตามภาคต่างๆ รวมแล้วประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ จะเห็นว่าเงินกับงานก็พอๆกัน แต่มีบางส่วนที่บริษัทลงทุนดำเนินการไปก่อน ซึ่งส่วนนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังค้างจ่ายบริษัทอีกไม่ต่ำกว่า 73 ล้านบาท ส่วนงบประมาณที่เหลืออีกกว่า 73.8 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นเงินกว่า 4,315 ล้านบาทนั้น ยังไม่มีการเบิกจ่ายแต่อย่างใด เงินส่วนนี้ที่เป็นภาษีของประชาชนยังอยู่ ยังไม่ได้เบิกออกมา

ส่วนประเด็นเรื่องการก่อสร้างล่าช้านั้น อยากจะชี้แจงว่า ผู้ว่าจ้างยังไม่ได้ส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างโรงพักบางพื้นที่ให้กับบริษัท บางโรงพักใช้เวลาการส่งมอบพื้นที่ล่าช้าถึง 600 วัน และจนถึงขณะนี้ยังส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้ไม่ได้อีกไม่น้อยกว่า 5 แห่ง จึงอยากให้ผู้ว่าจ้างรับในส่วนนี้ไปด้วย ไม่ใช่มีอะไรก็ผู้รับจ้างอย่างเดียว บริษัทไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็จะไม่ทนอีกแล้ว และไม่อยากจะสาวไส้ ตั้งแต่นายสิบถึงนายพล ทำให้ทุกอย่างติดขัดหมด แต่ไม่อยากพูดถึงขณะนี้ เพราะการบอกเลิกจ้างยังไม่เกิดขึ้น แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังวันที่ 17 เมษายน ก็ตาม บริษัทขอประกาศสัตยาบรรณว่า ภายใน 6-8 เดือน ถ้าไม่มีเหตุผิดธรรมชาติ บริษัทจะมีความคืบหน้าการก่อสร้าง และน่าจะส่งมอบโรงพักสิบกว่าแห่งให้ได้" พ.ต.ท.สันธนะ กล่าว

เรื่องการเจรจา รวมทั้งเอกสารเกี่ยวกับแผนการบริหารจัดการนั้น บริษัทได้ยื่นบางส่วนให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาแล้วแต่ไม่ทราบว่าเหตุใดเรื่องยังเงียบ ซึ่งคงต้องไปสอบถามจาก พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เพราะไม่ทราบว่ามีความกดดันอะไร อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากทุกฝ่ายหันหน้ามาคุยกันได้ ประชาชนรวมทั้งผู้ใต้บังคับบัญชาจะได้ประโยชน์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้นำองค์กรจะเป็นผู้ตัดสินใจ แต่ทั้งนี้หากได้เข้าไปดำเนินงานต่อก็จะเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้ามาตรวจสอบตัวเลขงบประมาณ และการดำเนินงานอย่างเต็มที่ตลอดเวลา แต่ถ้าเหตุการณ์กลับกลายเป็นมหากาพย์ เช่น โครงการโฮปเวล บริษัทก็คงต้องใช้สิทธิทางกฎหมายเช่นกัน ครั้งนี้จึงเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ที่ปรึกษาส่วนตัวประธานกรรมการบริษัท พีซีซี กล่าวด้วยว่า ตัวแทนบริษัทจะนำแผนการบริหารจัดการ และเอกสารที่เกี่ยวข้องไปยื่นต่อ พล.ต.อ.อดุลย์ เพื่อประกอบการพิจารณาเพิ่มเติมอีกครั้งในวันที่ 17 เมษายน เวลา 08.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเชื่อว่าบริษัทจะได้รับความเป็นธรรม