ลินเด้ และ ปตท. ลงนามข้อตกลงโครงการพัฒนาการใช้ประโยชน์จากคาร์บอนไดออกไซด์

ลินเด้ และ ปตท. ลงนามข้อตกลงโครงการพัฒนาการใช้ประโยชน์จากคาร์บอนไดออกไซด์

"ลินเด้ ประเทศไทย" และ "ปตท." ร่วมลงนามความร่วมมือ ศึกษาความเป็นไปได้และแนวทางการพัฒนาโครงการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน เพื่อเป้าหมายในการลดการปล่อยคาร์บอน

30 สิงหาคม 2566 หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และนางสาววิภา จินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลินเด้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการพัฒนาการดักจับ การใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน หรือ CCUS เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์และกักเก็บ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ถือเป็นโครงการนำร่องที่สำคัญที่ทั้งสองบริษัททำร่วมกันและมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาเทคโนโลยี CCUS ในไทย เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ อย่างเป็นรูปธรรม และยกระดับการพัฒนาประเทศสู่ความยั่งยืน

ลินเด้ และ ปตท. ลงนามข้อตกลงโครงการพัฒนาการใช้ประโยชน์จากคาร์บอนไดออกไซด์

นางสาววิภา จินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลินเด้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ลินเด้ ตระหนักและยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม การร่วมกันป้องกันภาวะโลกร้อนและลดผลกระทบจาก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้บรรจุในแผนงานของลินเด้ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก โดยบริษัทฯ ตั้งเป้า 35 by 35 หรือการบริหารจัดการ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลง 35% ภายในปี 2035 และมุ่งหน้าสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ปี 2050 ลินเด้ในฐานะผู้นำทางด้านก๊าซอุตสาหกรรมของประเทศ มีความมุ่งมั่นที่จะใช้วิศวกรรมและเทคโนโลยี ผนวกกับความรู้ความชำนาญในการจัดหาเทคโนโลยีและแนวทางที่จะพัฒนาเทคโนโลยี CCUS ในไทย โดยดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการทางอุตสาหกรรมต่างๆ แล้วนำไปใช้ประโยชน์หรือกักเก็บเพื่อป้องกันการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งเทคโนโลยีของลินเด้มีประสิทธิภาพสูงในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศและได้รับการยอมรับในระดับสากล ดังนั้น การร่วมมือกับ ปตท. โดยนำศักยภาพความรู้ความชำนาญของทั้งสององค์กรมาผสานกันจะช่วยให้เกิดแรงขับเคลื่อนในการพัฒนาโครงการ CCUS ในประเทศอย่างจริงจัง ทั้งนี้เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นำพาประเทศและโลกของเราสู่ความยั่งยืน