จับตา "ประภาศ คงเอียด" เดินหน้าเซ็นสัญญาเอกชนรายใหม่ ฝ่ามติ ครม. หรือไม่

จับตา "ประภาศ คงเอียด" เดินหน้าเซ็นสัญญาเอกชนรายใหม่ ฝ่ามติ ครม. หรือไม่

จับตาอธิบดีกรมธนารักษ์ ”ประภาศ คงเอียด” หลังศาลปกครองยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว บ.อีสท์ วอเตอร์ จะเดินหน้าเซ็นสัญญาเอกชนรายใหม่ ฝ่ามติ ครม. หรือไม่

โครงการคัดเลือกเอกชนในการจัดให้เช่า บริหารระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ของกรมธนารักษ์ ที่ได้ผู้ชนะเป็นเอกชนรายใหม่ หลังจากที่ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก หรือ EAST WATER (อีสท์ วอเตอร์) ผู้ได้รับสัมปทานรายเดิม จะสิ้นสุดระยะเวลาสัญญาวันที่ 31 ธ.ค. 67 ไม่ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการคัดเลือกฯ ของกรมธนารักษ์ 

อีสท์ วอเตอร์ ยื่นฟ้องกรมธนารักษ์ ต่อศาลปกครอง ว่ากระบวนการคัดเลือกทำผิดหลักเกณฑ์ และขอศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวโดยให้ยุติกระบวนการคัดเลือกชั่วคราว

ก่อนหน้านี้ นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า โครงการคัดเลือกเอกชนในการจัดให้เช่า บริหารระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก กรมธนารักษ์ ยังไม่มีการลงนามสัญญากับบริษัทเอกชนรายใหม่ เพราะต้องรอคำสั่งจากศาลปกครอง ว่าให้ดำเนินการอย่างไร หลังจากที่บริษัทรายเดิมได้ไปยื่นศาลปกครอง ขอคุ้มครองชั่วคราวกรณีการคัดเลือกเอกชนในโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ หากศาลปกครอง มีคำสั่งออกมาอย่างไร กรมธนารักษ์ ก็พร้อมปฏิบัติตาม จึงยังไม่มีการลงนามสัญญากับเอกชนรายใหม่
 
ล่าสุด ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งไม่รับคำขอคุ้มครองชั่วคราวของ อีสท์ วอเตอร์ ซึ่งนายประภาศ ให้สัมภาษณ์ (18 พ.ย.64) ว่า คำสั่งศาลปกครองที่ออกมา ทำให้กรมธนารักษ์ สามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปได้ ส่วนจะมีการลงนามสัญญาเอกชนรายใหม่ที่ได้รับการคัดเลือกเมื่อใดนั้น หลังจากนี้กรมธนารักษ์ คงต้องมาพิจารณารายละเอียดขั้นตอนอีกครั้งว่าจะดำเนินการได้แค่ไหนอย่างไร ต้องคำนึงถึงกระบวนการศาลด้วย เพราะยังมีคดีหลักที่อิส วอร์เตอร์ ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองในส่วนของกระบวนการคัดเลือกทำผิดหลักเกณฑ์ ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการอีกครั้ง

 

อธิบดีกรมธนารักษ์ บอกว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่คณะกรรมการที่ราชพัสดุว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า การคัดเลือกเอกชนโครงการคัดเลือกเอกชนในการจัดให้เช่า/บริหารระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก กรมธนารักษ์ มีหนังสือเชิญบริษัทที่มีคุณสมบัติเพียง 3 ราย ให้มายื่นข้อเสนอเพื่อเข้าร่วมการคัดเลือก จากนั้นในวันที่ 30 ก.ย. 64 คณะกรรมการคัดเลือก มีมติให้บริษัทเอกชนรายใหม่ เป็นผู้ได้รับคัดเลือกบริหารและการดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก มีอายุสัญญา 30 ปี โดยกรมธนารักษ์จะได้รับผลตอบแทนตลอดระยะเวลา 30 ปี เป็นเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท
 

บริษัท อีสท์ วอเตอร์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง และยื่นฟ้องขอคุ้มครองชั่วคราวเนื่องจากมองว่า คณะรัฐมนตรี ได้มีมติให้กรมธนารักษ์ต้องเจรจากับบริษัทรายเดิมก่อนที่สัญญาจะสิ้นสุดไม่น้อยกว่า 3 ปี นอกจากนี้ การดำเนินการคัดเลือกครั้งนี้อาจจะไม่ได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาลที่ต้องการให้การดำเนินการมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และให้บริการน้ำในภูมิภาค ซึ่งถือเป็นหลักการที่เป็นสาระสำคัญ

ดังนั้น แม้ว่าจะใกล้สิ้นสุดอายุของสัญญาในวันที่ 31 ธ.ค.67 แต่เป็นพันธะของกรมธนารักษ์ ที่จะต้องพิจารณาจัดทำสัญญาฉบับใหม่เพื่อให้บริษัทรายเดิมเป็นผู้ใช้และบริหารโครงการท่อส่งน้ำต่อไปตามมติ ครม. เพื่อไม่ให้กระทบต่อการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำในภาคตะวันออก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมของประเทศได้