อคส.เดินหน้าสางคดีทุจริต

อคส.เดินหน้าสางคดีทุจริต

อคส.เดินหน้าสะสางคดีทุจริตค้างเก่า มีทั้งโครงการจำนำข้าวเปลือกปี 54-57 และจำนำมันสำปะหลังปี 51-57 โดยทุจริตจำนำข้าว ที่ผ่านมา ส่งฟ้องแล้ว 1,143 คดี เรียกเงินชดใช้ความเสียหายเกือบ 5 แสนล้านบาท ส่วนมัน มีกว่า 200 คดี ส่งฟ้องแล้ว 161 คดี เรียกเงินชดเชย 1.8 หมื่นล้านบาท ลุยรื้อเรื่องทุจริต ที่ซุกใต้พรมให้หมด

นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสะสางคดีค้างเก่าของอคส. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคดีที่เกี่ยวข้องการทุจริตในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาว่า หลังจากรับตำแหน่งผู้อำนวยการอคส.มาตั้งแต่เดือนก.ย.63 หนึ่งในภาระกิจหลักที่ดำเนินการคือ การสะสางคดีค้างเก่า ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต หรือการบกพร่องในหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาล โดยส่วนใหญ่จะเป็นโครงการรับจำนำข้าวเปลือก และมันสำปะหลัง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา อคส.ได้ส่งฟ้องร้องดำเนินการคดีจำนวนมาก และเรียกค่าเสียหายจากผู้เกี่ยวข้องกว่า 500,000 ล้านบาท   

 

สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนนาปี และนาปรัง ตั้งแต่ปีการผลิต 54-57 ที่ผ่านมา ได้ส่งเรื่องให้อัยการส่งฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด เช่น เจ้าของคลังเก็บข้าว ที่อคส.เช่าเพื่อฝากเก็บข้าวในสต๊อกของรัฐบาล, โรงสี, เจ้าหน้าที่ อคส.ที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ รวม 1,143 คดี อยู่ในชั้นศาลปกครองกลาง 1,136 คดี ศาลปกครองสูงสุด 4 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 494,198 ล้านบาท ขณะเดียวกัน อคส.ถูกฟ้อง 155 คดี ทุนทรัพย์ 4,782 ล้านบาท โดยได้ตั้งคณะทำงาน เพื่อให้ติดตามคดีโครงการรับจำนำข้าวที่อคส.ส่งอัยการฟ้องร้องไปแล้วนั้น ครบถ้วนหรือไม่ หากยังมีคดีตกค้างจะเร่งรัดส่งฟ้องโดยเร็ว   

“คดีที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว จะมีทั้งกรณีที่โรงสี และโกดังที่อคส.ฝากเก็บข้าวสาร ทำให้ข้าวเสื่อมสภาพไปจากเดิม หรือข้าวสูญหายไปจากสต๊อก ซึ่งมีโอกาสสูงที่อคส.จะชนะคดี แต่จะได้รับเงินชดเชยความเสียหายครบถ้วนหรือไม่ ต้องรอดูต่อไป เพราะเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก”   

นอกจากนี้ ยังมีคดีเกี่ยวกับโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ปี 51/52, ปี 54/55 และปี 56/57 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกรณีมันเสื่อมสภาพ หรือสูญหาย อีกรวมกว่า 200 คดี อยู่ในชั้นศาลปกครองกลาง 161 คดี มูลค่าความเสียหาย 18,723 ล้านบาท โดยคดีถึงที่สุดแล้ว 14 คดี ศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้กับ อคส. 4,883 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งรัดให้ชดใช้ความเสียหาย   

ขณะเดียวกัน จะเดินหน้ารื้อเรื่องทุจริตเก่าๆ ที่ผู้บริหาร อคส.ในช่วงที่ผ่านมาได้สั่งให้ยุติเรื่อง และไม่ส่งอัยการฟ้องร้องผู้กระทำผิด ซึ่งคิดเป็นมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก บางกรณีทำให้ อคส.เสียหายถึง 4,000 ล้านบาท โดยจะดำเนินการทุกอย่างอย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม   

 

อย่างไรก็ตาม ยังเหลือข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกสมัยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ในส่วนที่อยู่ในความดูแลของอคส.อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งอคส.ได้ทยอยเปิดประมูลอย่างต่อเนื่อง แต่บางส่วนผู้ชนะประมูลรับมอบข้าว (เอาข้าวออกจากโกดังเก็บ) ไม่ได้ เพาะเจ้าของโกดังยึดหน่วง ไม่ยอมให้เอาข้าวออก อคส.จึงได้ฟ้องร้องดำเนินคดีเจ้าของโกดังรายดังกล่าวไปแล้ว และล่าสุดเหลือข้าวสารในสต๊อกที่จะต้องขายให้หมด 11,000-12,000 ตันเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นข้าวเหนียว และข้าวหอมมะลิ โดยตั้งเป้าหมายเปิดระบายให้หมดภายในปีนี้   

 

นายเกรียงศักดิ์ กล่าวต่อถึงความคืบหน้าการทุจริตการจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาทว่า ล่าสุด คณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ทยอยเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด มารับทราบข้อกล่าวหา และแก้ข้อกล่าวหาแล้ว คาดว่า จะสรุปสำนวนและส่งอัยการฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาได้ในเร็วๆ นี้ จากนั้นสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะดำเนินการเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทำผิด เพื่อเอาเงินมาชดใช้ให้อคส. ขณะเดียวกัน คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางละเมิด กำลังสืบสวนข้อเท็จจริง และความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอคส. เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องชดใช้ให้อคส. ส่วนโทษทางวินัยเจ้าหน้าที่อคส.ที่เกี่ยวข้อง  อยู่ระหว่างการพิจารณา