‘กรุ๊ปลิส’ปลดล็อคจ่ายหนี้ ‘เจทีเอ’ครบ 2,187 ล้าน

‘กรุ๊ปลิส’ปลดล็อคจ่ายหนี้ ‘เจทีเอ’ครบ 2,187 ล้าน

“กรุ๊ปลีส”จ่ายหนี้ตามคำพิพากษาศาลสิงคโปร งวดสุดท้าย 259 ล้านบาท ให้คู่กรณี “เจทีเอ” ทำให้ชำระหนี้ครบทั้งจำนวน 2,187 ล้านบาท ทำให้สามารถทำธุรกิจได้อย่างอิสระ

นายทัตซึยะ โคโนชิตะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเช้าวันนี้(13 ก.ค.) ว่า ตามที่ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2560 บริษัท J Trust Asia Pte. Ltd (“JTA”) ได้ยื่นฟ้อง Group Lease Holdings Pte. Ltd (“GLH”) บริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นทั้งหมดต่อศาลสิงคโปร์ โดยกล่าวหาว่า GLH และจำเลยอื่นๆ ร่วมกันหลอกลวงท าให้ JTA เชื่อว่าสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ดีกว่าความเป็นจริง จึงได้ตกลงเข้ามาลงทุนในบริษัทฯ


ต่อมาเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 ศาลสูงแห่งประเทศสิงคโปร์ได้มีคำพิพากษายกคำฟ้องของ JTA ที่ฟ้องจำเลยทั้งหมด ฐานละเมิดโดยร่วมกันหลอกลวงให้เข้าทำธุรกรรม พร้อมทั้งสั่งให้ JTA ชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ของจำเลย ซึ่งต่อมา JTA ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าวและเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2563 ศาลอุทธรณ์แห่งประเทศสิงคโปร์ได้มีคำพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลสูงแห่งประเทศสิงคโปร์ โดยตัดสินให้ GLH และจำเลยอื่นๆร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายบางส่วน จากการลงทุนของ JTA เป็นจำนวน 70 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,187 ล้านบาท) นั้น


เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2564 บริษัทฯ ได้รายงานว่า บริษัทฯ ได้เริ่มทำการชำระเงินตามคำพิพากษาศาลสิงคโปร์ โดยจ่ายเงินสดจำนวน 37 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,100 ล้านบาท) อีกทั้งเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 บริษัทฯ ได้รายงานว่า บริษัทฯได้จ่ายเงินสดจำนวน 17 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 530 ล้านบาท) เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลประเทศสิงคโปร์


ต่อมาเมื่อวันที่7 พฤษภาคม 2564 บริษัทฯ ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลสิงคโปร์เพิ่มอีกจำนวน 7.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 225 ล้านบาท) เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2564 ฉะนั้นคงเหลือหนี้ตามคำพิพากษาของศาลสิงคโปร์ จำนวน 8.3 ล้านเหรียญสหรัฐ(ประมาณ 259 ล้านบาท) พร้อมดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่นๆในทางกฎหมาย


นายทัตซึยะ กล่าวว่า ขณะนี้ บริษัทฯ ได้ชำระหนี้คงเหลือตามคำพิพากษาศาลสิงคโปร์พร้อมทั้งดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในทางกฎหมายครบถ้วนแล้ว ซึ่งผลของการชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลสิงคโปร์ดังกล่าว ทำให้คำสั่งศาลสิงคโปร์ที่มีต่อบริษัท GLH นั้น จะถูกปลดออกโดยอัตโนมัติ ด้วยเหตุดังกล่าว GL และ GLH จะสามารถใช้ทรัพย์สินของบริษัทให้เกิดประโยชน์ได้อย่างอิสระ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท รวมถึงผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้นทั้งหมดของกลุ่มบริษัท