“ม็อบแดง” โหน “ม็อบเด็ก” อารยะขัดขืน ศบค. “นะจ๊ะ”

“ม็อบแดง” โหน “ม็อบเด็ก”    อารยะขัดขืน ศบค. “นะจ๊ะ”

การต่อสู้บนท้องถนนในวันนี้ เป็นเรื่องของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ดังที่ “เต้น”ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาฯ นปช.จับทางได้ จึงขอโหนม็อบเด็กไล่ประยุทธ์ มากกว่าจะทำม็อบแข่งกับเด็ก ในเมื่อการชุมนุมที่ผ่านมาเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า วันเวลาของม็อบเสื้อสีล่วงเลยไปแล้ว 

ความพยายามของรัฐบาล โดย ศบค.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด ด้วยมาตรการ “กึ่งล็อกดาวน์” เพื่อหยุดยั้งสถานการณ์ติดเชื้อรายวันที่พุ่งไม่หยุด ทะลุระดับ 4,000-5,000 คน

จากวิกฤติโรคระบาด กำลังทำให้รัฐบาลเดินเข้าสู่วิกฤติการเมือง เมื่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและนายกฯ ประยุทธ์ ดังกระหึ่ม จับกระแสผู้คนในโซเชียล พวกเขากำลังหมดความอดทน และไม่นำพาต่อมาตรการกึ่งล็อกดาวน์

การปิดแคมป์คนงาน ก็ยังมีการฝ่ามาตรการกลับต่างจังหวัดของแรงงาน ร้านอาหารที่ห้ามนั่งกินในร้านกำลังรวมตัวกันเคลื่อนไหว โดยล่าสุด ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายเครื่องดื่ม ได้เปิดตัวแคมเปญ “#กูจะเปิดมึงจะทำไม” เพื่อคัดค้านมาตรการของ ศบค. ที่ห้ามร้านอาหารและเครื่องดื่มให้ลูกค้านั่งกินดื่มในร้าน

โดย “ประภาวี เหมทัศน์” ตัวแทนสมาคมคราฟต์เบียร์ได้รวบรวมร้านต่างๆ ที่ต้องการเข้าร่วมแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม และกำหนดกิจกรรมระยะแรก เปิดร้านเล่นดนตรีแบบแฟลชม็อบ ดาวกระจาย และระยะต่อไปคือลงถนน

รัฐบาลประยุทธ์กำลังจะเจอมาตรการอารยะขัดขืนจาก “ผู้ประกอบการร้านอาหาร” ตอบโต้ และมีโอกาสยกระดับเข้าร่วมกิจกรรม “ไล่ประยุทธ์” 

เมื่อ “กลุ่มราษฎร” ได้เปิดอีเวนท์ โดยแจ้งข่าวและนัดหมายว่า “...ไม่มีเหตุผลที่จะอดทนอีกต่อไป ลุกขึ้นมาไล่ประยุทธ์และองคาพยพเผด็จการด้วยกัน วันที่ 2 ก.ค.2564 นี้ เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป เราจะไปเปิดตลาดนัดกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ใครใคร่ค้ามาค้า ใครใคร่ขายมาขาย ใครใคร่ไล่เผด็จการมาเจอกัน”

ก่อนหน้านี้ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กประกาศเชิญชวนล่วงหน้า "ศุกร์นี้ ผมและเพื่อน ๆ จะไปไล่ประยุทธ์ จึงขอเชิญชวนพี่น้องราษฎรทุกคนมาไล่ประยุทธ์ด้วยกัน..พ่อค้าแม่ขายที่เดือดร้อนจากการทำงานของรัฐบาลนี้ โปรดเตรียมของมาเปิดตลาดขายกันโดยพร้อมเพรียง”

เช่นเดียวกับ อานนท์ นำภา “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และไผ่ ดาวดิน ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กทำนองชักชวนให้แนวร่วมราษฎรมาร่วมไล่ประยุทธ์กันอย่างจริงจัง พูดง่ายๆ ยุทธวิธีเฉพาะหน้าขับไล่รัฐบาลประยุทธ์ โดยไม่ทิ้งยุทธศาสตร์ทะลุเพดาน

ทางด้านม็อบรวมสี “กลุ่มไทยไม่ทน” ที่ขยับม็อบไล่ประยุทธ์มาสองรอบแล้ว แต่ไม่สามารถระดมมวลชนเข้าร่วมชุมนุมได้ไม่มากอย่างที่ตั้งเป้า “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ จึงนัดใหม่อีกครั้ง ตอนเย็นวันเสาร์ที่ 3 ก.ค.2564 ที่สะพานผ่านฟ้า แล้วเดินขบวนไปทำเนียบรัฐบาล

แกนนำกลุ่มไทยไม่ทน ประกาศแนวทางการต่อสู้ว่า จะนัดชุมนุมทุกวันเสาร์ และยาวไป 3 เดือน “จตุพร” ประเมินว่า มวลชนที่เข้าร่วมชุมนุมจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จากหลักร้อยอาจทะลุหลักหมื่น เพราะกระแสความไม่พอใจของประชาชนนับวันยิ่งเพิ่มทวีขึ้น

ปฏิกิริยาของผู้คนที่มีต่อคำพูด “นะจ๊ะ” บวกกับอาการเริงร่าของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดูจะทำให้ภาพลักษณ์ผู้นำติดลบ มีเสียงวิพากษ์รุนแรงและขยายวงกว้าง แกนนำกลุ่มไทยไม่ทนจึงเชื่อว่า จำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมวันเสาร์นี้จะเพิ่มขึ้นกว่า 2 ครั้งที่ผ่านมา

ทว่า จุดอ่อนของกลุ่มไทยไม่ทนคือ “แกนนำ” ล้วนเป็นคนหน้าเดิมๆ ที่เคยผ่านเวทีเสื้อเหลือง และเวทีเสื้อแดง จึงทำให้คนรุ่นใหม่ไม่ขานรับ ไม่ไว้วางใจในวัตถุประสงค์การเมือง

การต่อสู้บนท้องถนนในวันนี้ เป็นเรื่องของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ดังที่ “เต้น”ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาฯ นปช.จับทางได้ จึงขอโหนม็อบเด็กไล่ประยุทธ์ มากกว่าจะทำม็อบแข่งกับเด็ก ในเมื่อการชุมนุมที่ผ่านมาเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า วันเวลาของม็อบเสื้อสีล่วงเลยไปแล้ว