‘สหรัฐ’ ชี้วัคซีน ‘ไฟเซอร์ - โมเดอร์นา’ สร้างภูมิคุ้มกันสู้โควิดนาน

‘สหรัฐ’ ชี้วัคซีน ‘ไฟเซอร์ - โมเดอร์นา’ สร้างภูมิคุ้มกันสู้โควิดนาน

ทีมวิจัยมหาวิทยาลัยวอชิงตันของสหรัฐ เผย ผลวิจัยใหม่ ชี้วัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์-โมเดอร์นา ก่อภูมิคุ้มกันสู้ไวรัสยาวนาน

วารสารเนเจอร์ (Nature) เผยแพร่ผลการศึกษาของทีมวิจัยคณะแพทยศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตันของสหรัฐ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (28 มิ.ย.) พบหลักฐานระบุว่า การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ได้จากการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ และโมเดอร์นา มีความแข็งแกร่งและอาจคงอยู่ได้เป็นระยะเวลานาน

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะวิจัยได้รวบรวมตัวอย่างเซลล์จากผู้รับวัคซีนไฟเซอร์ 14 คน ในช่วงสัปดาห์ที่ 3, 4, 5 และ 7 หลังฉีดวัคซีนโดสแรก โดยผู้เข้าร่วมทดลอง 10 คนยังได้ให้ตัวอย่างเซลล์เพิ่มเติมในช่วงสัปดาห์ที่ 15 อีกด้วย อย่างไรก็ดีผู้เข้าร่วมทดลองทั้งหมดไม่เคยติดเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 มาก่อน

คณะวิจัยสหรัฐ พบว่าในสัปดาห์ที่ 3 หลังฉีดวัคซีนโดสแรก ร่างกายของผู้เข้าร่วมทั้ง 14 คนได้สร้างศูนย์กลางเจอร์มินอล (Germinal Center) ที่มีเซลล์บี (B Cells) ซึ่งจะผลิตแอนติบอดีเพื่อดักจับโปรตีนของโควิด-19 โดยกลไกดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นมากหลังได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้น และจะยังคงอยู่ในระดับสูงเรื่อยมา แม้กระทั่งในสัปดาห์ที่ 15 หลังฉีดวัคซีนโดสแรก ผู้เข้าร่วม 8 ใน 10 คน ยังคงมีศูนย์กลางเจอร์มินอล และเซลล์บีก็ยังคงอยู่

“นี่เป็นข้อบ่งชี้ถึงการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งมาก” เรเชล เพรสตี ผู้ร่วมวิจัยอาวุโสและรองศาสตราจารย์ด้านการแพทย์กล่าว และระบุว่า ระบบภูมิคุ้มกันใช้ศูนย์กลางเจอร์มินอลเพื่อสร้างแอนติบอดีที่สมบูรณ์แบบ เพื่อที่จะยึดจับได้ดีและอยู่ได้นานที่สุด ส่วนแอนติบอดีในเลือดเป็นผลลัพธ์สุดท้ายของกระบวนการ แต่ศูนย์กลางเจอร์มินอลคือจุดที่ภูมิคุ้มกันถือกำเนิดขึ้น 

ทีมวิจัยยังได้รวบรวมตัวอย่างเลือดจากผู้รับวัคซีนไฟเซอร์ 41 คน ซึ่งในจำนวนนี้ 8 คนเคยติดเชื้อโควิด-19 มาก่อน โดยตัวอย่างเลือดนั้นจะถูกเก็บก่อนพวกเขาเข้ารับวัคซีนแต่ละโดส รวมทั้งในช่วงสัปดาห์ที่ 4, 5, 7 และ 15 หลังฉีดวัคซีนโดสแรก

คณะวิจัยพบว่า ในกลุ่มผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ระดับแอนติบอดีจะทยอยเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ หลังฉีดวัคซีนโดสแรก และแตะระดับสูงสุดช่วง 1 สัปดาห์หลังฉีดวัคซีนโดสที่สอง ส่วนกลุ่มผู้ที่เคยติดเชื้อมาก่อนนั้นมีแอนติบอดีในเลือดก่อนฉีดวัคซีนโดสแรกอยู่แล้ว และระดับแอนติบอดีของพวกเขาจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหลังฉีดวัคซีนโดสแรก และสูงกว่าระดับของผู้ที่ไม่ติดเชื้อ

“เมื่อดูข้อมูล เราจะเห็นประสิทธิภาพของวัคซีน” เจน โอ ฮัลโลแรน ผู้ร่วมวิจัยและผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการแพทย์กล่าว และระบุว่า หากคุณเคยติดเชื้อและเข้ารับวัคซีนแล้ว คุณจะมีระดับแอนติบอดีเพิ่มขึ้น เห็นได้ชัดว่าวัคซีนเหล่านี้มีประโยชน์อย่างยิ่งแม้คุณจะเคยติดเชื้อมาก่อนหน้านี้ เราจึงแนะนำให้ผู้ที่เคยติดเชื้อเข้ารับวัคซีน

นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนยังทำให้เกิดแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ในระดับสูง ซึ่งมีฤทธิ์ต่อต้านโรคโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์เบตา (Beta) จากแอฟริกาใต้ที่ดื้อต่อวัคซีนบางตัว

อย่างไรก็ตาม วัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นาผลิตโดยใช้เทคโนโลยีเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) ซึ่งแตกต่างจากวัคซีนส่วนใหญ่ และวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างและปล่อยสารโปรตีนของเชื้อไวรัส อย่างเช่นโปรตีนหนามของโควิด-19 อีกด้วย