กบง.ไฟเขียวนำเข้า LNG ช่วงปี64-66 ปริมาณรวม 5.24 ล้านตัน
กบง.เคาะปริมาณนำเข้า LNG ช่วงปี 2564 -2566 ปริมาณรวม 5.24 ล้านตัน รองรับเปิดเสรีก๊าซฯ ระยะที่ 2 พร้อมคงราคาขายปลีก LPG อีก 3 เดือน ถัง 15 กิโลกรัม อยู่ที่ 318 บาท มีผล (1 ก.ค.– 30 ก.ย.นี้) ลดภาระค่าครองชีพ
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) วันนี้(28 มิ.ย.2564) ได้เห็นชอบปริมาณการนำเข้า Liquefied Natural Gas (LNG) ช่วงระหว่างปี 2564 – 2566 ปริมาณรวม 5.24 ล้านตันเพื่อรองรับแนวทางการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ ระยะที่ 2 ให้สามารถในการนำเข้า LNG ที่ไม่กระทบต่อ Take or Pay
สำหรับปี 2564 จะมีปริมาณนำเข้า 0.48 ล้านตันต่อปี ปี 2565 จะมีปริมาณนำเข้า 1.74 ล้านตันต่อปี และปี2566 จะมีปริมาณนำเข้า 3.02 ล้านตันต่อปี
พร้อมมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เป็นผู้ดำเนินการจัดสรรปริมาณการนำเข้า LNG ตามโครงสร้างของกิจการก๊าซธรรมชาติในระยะที่ 2 คือ Regulated Market (กลุ่มที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กกพ. จัดหา LNG เพื่อนำมาใช้กับภาคไฟฟ้าที่ขายเข้าระบบ) และ Partially Regulated Market (กลุ่มที่จัดหา LNG เพื่อใช้กับโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้ขายไฟฟ้าเข้าระบบ ภาคอุตสาหกรรมและกิจการของตนเอง) สำหรับ New Demand และกำหนดหลักเกณฑ์ในการนำเข้าของ Shipper รวมทั้งกำกับดูแลต่อไป
นอกจากนี้ กบง.ได้พิจารณาเห็นว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ส่งผลกระทบการดำรงชีพและภาระค่าครองชีพของประชาชน ประกอบกับสถานการณ์ราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน กบง. จึงได้เห็นชอบ ให้คงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น LPG หรือคงราคาขายปลีกที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 โดยมอบหมายให้กระทรวงพลังงาน ติดตามสถานการณ์ราคา LPG แล้วนำเสนอแนวทางการทบทวนราคาขายหน้าโรงกลั่น LPG ต่อ กบง. พิจารณาอีกครั้ง