NWR ลั่นปีนี้พลิกกำไร จ่อประมูลงานใหม่อีก 3.4 หมื่นล้านบาท

NWR ลั่นปีนี้พลิกกำไร จ่อประมูลงานใหม่อีก 3.4 หมื่นล้านบาท

NWR คาดปีนี้พลิกกำไร เหตุไตรมาสแรกกำไรแล้ว 52 ล้าน ขณะที่แบ็คล็อก 3.61 หมื่นล้าน ทยอยรับรู้ภายในปีนี้ราว 1 หมื่นล้าน หนุนรายได้ปีนี้โตตามเป้า 20-30% เล็งประมูลงานใหม่อีก 3.4 หมื่นล้าน หวังได้งาน 9-10% 

นายปสันน สวัสดิ์บุรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 บริษัทเตรียมเข้าประมูลโครงการก่อสร้างใหม่อีกหลายโครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะชนะการประมูลประมาณ 9-10% จากมูลค่าโครงการที่เข้าประมูลทั้งหมด ทั้งนี้ โครงการส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ (เมกะโปรเจค) ที่มีมูลค่า 2 พันล้านบาทขึ้นไป สอดคล้องกับความเชี่ยวชาญของบริษัทที่มีประสบการณ์ก่อสร้างงานโครงการขนาดใหญ่

162325747270

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (แบ็คล็อก) จำนวน 49 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3.61 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 25-30% หรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ลงนามสัญญาก่อสร้างแล้ว 1.96 หมื่นล้านบาท และอยู่ระหว่างการรอลงนามประมาณ 1.64 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและระบบงานโยธา (Infrastructure) 58% โครงการก่อสร้างอุโมงค์ (Tunnel) 33% และโครงการก่อสร้างอาคารและโรงงานอุตสาหกรรม (Industrial) 7%

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 20-30% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 9.9 พันล้านบาท และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเติบโตเฉลี่ยประมาณ 6% แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจก่อสร้าง 80% ธุรกิจคอนกรีต 10% และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 5-8% โดยไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัททำรายได้ไปแล้ว 2.9 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี คาดว่าแนวโน้มไตรมาส 2 ปี 2564 จะทรงตัวจากไตรมาสแรก เพราะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 รอบใหม่ และต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี สำหรับประเด็นต้นทุนวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้นตามตลาดโลกคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือจำกัด เพราะบริษัทมีสัญญาก่อสร้างส่วนใหญ่กับภาครัฐ ซึ่งเป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ส่วนแนวโน้มรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 คาดว่าจะฟื้นตัวดีกว่าครึ่งแรก เพราะได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายลง

นอกจากนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถพลิกกลับมากำไรได้ จากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 240.93 ล้านบาท โดยในไตรมาส 1 ปี 2564 สามารถพลิกกลับมาทำกำไรแล้วที่ 52.18 ล้านบาท อีกทั้งคาดว่าบริษัทจะสามารถทยอยล้างขาดทุนสะสมและช่วยให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ปรับตัวลงได้ในระยะถัดไปจากปัจจุบันที่ 3.06 เท่า อย่างไรก็ดี บริษัทยังมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD/E) ที่ค่อนข้างต่ำประมาณ 1 เท่า จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินเพื่อลงทุนในโครงการใหม่

นายปสันน กล่าวว่า บริษัท มานะพัฒนาการ จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครือมีแผนจะซื้อที่ดินแปลงใหม่เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ มูลค่าระหว่าง 150-250 ล้านบาท ส่วน บริษัท เทสท์เมคเคอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทอาหารในเครือ อยู่ระหว่างการศึกษาตลาดเพื่อส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีน