น่าห่วง! อ.กันตัง พบการระบาดในคลัสเตอร์งานแต่งพุ่ง 48 ราย

ตรังน่าห่วง คลัสเตอร์งานแต่ง ต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง การระบาดในหมู่ประชาชนและเด็กลุกลามไปแล้วใน 7 ตำบลของ อ.กันตัง พบอีกจำนวน 14 ราย เป็นเด็ก 5 ราย ยอดรวมผู้ติดเชื้อเฉพาะคลัสเตอร์งานแต่ง 48 ราย

เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 64 สถานการณ์ COVID-19 จ.ตรัง ยอดสะสมติดเชื้อรวมเป็น 184 รายแล้ว โดยล่าสุด เมื่อวานนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีกจำนวน 14 ราย ทั้งหมดเป็นชาว อ.กันตัง ใน 7 ตำบล ซึ่งเกิดจากคลัสเตอร์งานแต่ง หมู่ 7 ต.บ่อน้ำร้อนทั้งหมด ทำให้เด็กต้องได้รับเชื้อด้วย 5 คน ประกอบด้วย ต.บ่อน้ำร้อน 7 ราย, ต.วังวน 2 ราย, ต.บางสัก 1 ราย, ต.คลองชีล้อม 1 ราย, ต.ควนธานี 1 ราย, ต.เกาะลิบง 1 ราย และ ต.บางเป้า 1 ราย ที่น่าตกใจมีเด็กรวมอยู่ด้วย จำนวน 5 ราย อายุ 2, 5 และ 6 ขวบ ( ประกอบด้วย ต.บ่อน้ำร้อน จำนวน 3 คน เด็กหญิง 6 ขวบ, เด็กหญิง 5 ขวบ, เด็กชาย 6 ขวบ, ต.บางสัก เด็กหญิง 2 ขวบ และ ต.เกาะลิบง เด็กหญิง 6 ขวบ ) ทำยอดผู้ติดเชื่อ อ.กันตัง รวมเป็นจำนวน 54 ราย เฉพาะของ ต.บ่อน้ำร้อน ยอดติดเชื้อจำนวน 48 ราย และยังมีสัมผัสเสี่ยงสูง-ต่ำจำนวนมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากเจ้าหน้าที่สอบสวนโรคทำงานไม่ทัน ขณะนี้เชื้อแพร่กระจายเกิดการระบาดลุกลามขึ้นแล้วในหมู่ประชาชนและเด็ก เพราะคลัสเตอร์ดังกล่าวนี้ เกิดจากนำเชื้อเข้ามาของคนเดินทางมาจาก จ.สุโขทัย มาร่วมงานแต่ง จากนั้นเดินทางกลับภูมิลำเนาไปตรวจพบเชื้อ แต่มีการปกปิดไทม์ไลน์ ทำให้เกิดการระบาดขึ้นในหมู่ประชาชนดังกล่าว และขณะนี้สู่เด็กแล้วหลายครอบครัว ทางด้านอำเภอสั่งการทุกตำบล หมู่บ้านเร่งเอ็กซเรย์ค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ เมื่อทราบข่าวมีคนในหมู่บ้านติดเชื้อให้แจ้ง รพ.สต.เข้าไปสอบสวนโรคอย่างเร่งด่วน และต้องเร่งควบคุมพื้นที่ เพื่อระงับยับยั้งโรค ด้วยการตั้งจุดตรวจ คัดกรอง ส่งคนลาดตระเวน ให้ผู้สัมผัสเสี่ยงกักตัวเองอยู่กับบ้าน ห้ามออกนอกบ้านอย่างเด็ดขาด โดยมีเจ้าหน้าที่อสม.เดินทางเข้าไปตรวจวัดไข้และสอดส่องถึงบ้านทุกวัน

จากการลงพื้นที่ ต.บ่อน้ำร้อน พื้นที่คลัสเตอร์ใหญ่ดังกล่าว ซึ่งเฉพาะภายในตำบลผู้ป่วยติดเชื้อรวม 47 ราย มีผู้ป่วยอายุน้อยสุด เป็นเด็กหญิงอายุ 2 ขวบ พบว่า ทุกตำบล หมู่บ้าน ได้มีการตั้งจุดตรวจ ร่วมกันของฝ่ายปกครอง อสม.และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ในการตรวจตราคัดกรองคนเข้าออกพื้นที่ รักษาความสงบเรียบร้อยและควบคุมผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำซึ่งกักตัวอยู่ในพื้นที่ไม่ให้ออกนอกพื้นที่ แจกเจลล้างมือ วัดไข้ กำชับการสวมหน้ากากอนามัย

โดย นายไชยงค์ ไชยกุล กำนันตำบลบ่อน้ำร้อน กล่าวว่า ขณะนี้ทีมของกำนัน อสม ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้ลงเอ็กซเรย์พื้นที่อย่างจริง เพราะการตรวจหากลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง และ กลุ่มสัมผัสเสี่ยงต่ำ มีความสำคัญมาก ทั้งนี้ เพื่อกระชับพื้นที่ต้องการยับยั้งไม่ให้เชื้อแพร่ระบาดลุกลามไปมากกว่านี้ คนที่กักตัวอยู่ภายในบ้าน ทางตำบลได้ใช้อสม. ชรบ. ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันลาดตระเวน ทั้งกลางวันและกลางคืน รวมทั้งตั้งด่านตรวจในทุกหมู่บ้านของตำบลบ่อน้ำร้อน โดยเฉพาะบุคคลที่เดินทางมากจากพื้นที่สีแดง ทุกคนต้องมารายงานตัวกับ อสม.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อย่างไรก็ตามหลายคนได้รับรู้จากไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อโควิด19 ว่ามีการแพร่ระบาดจากงานแต่งงาน ที่หมู่7 ต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จ.ตรัง โดยตนคิดว่าคนที่พาเชื้อเข้ามามีการปกปิดข้อมูล ซึ่งเป็นคนที่เดินทางมาจาก จ.สุโขทัย เพราะพอเขาตรวจร่างกายเสร็จก็ได้เดินทางกลับ จ.สุโขทัย โดยทันที ทั้งนี้ตามหลักการแล้ว เมื่อเดินทางเข้าพื้นที่ต.บ่อน้ำร้อน ต้องแจ้งต่อผู้นำหมู่บ้าน อสม และ รพ.สต. เพราะการเดินทางเข้ามาต้องปฏิบัติตามที่กรมควบคุมโรคระบุ ไม่เพ่นพ่านจนเกิดการแพร่เชื้อ ทั้งนี้ หากยังมีการแพร่ระบาด หรือพบมีผู้ติดเชื้อ ภายในพื้นที่มากขึ้น อาจจะเสนอนายอำเภอและจังหวัดให้ปิดตำบล โดยขณะนี้ภาพรวมของอำเภอกันตัง ต.บ่อน้ำร้อน มีผู้ติดเชื้อติดเชื้อโควิดมากที่สุด จึงข้อมาตรการขึ้นเองในตำบล จำนวน 6 ข้อ คือ

  1. ห้ามผู้ที่กักตัวออกนอกพื้นที่โดยเด็ดขาดจนกว่าจะครบกำหนดกักตัว
  2. ผู้ที่เดินทางจากพื้นที่สีแดงให้รายงานตัวต่อกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือแจ้งให้อสม.ทราบ
  3. ผู้มีประวัติใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิด19 ให้ไปรายงานตัวที่ รพ.สต.บ่อน้ำร้อนโดยทันที
  4. ห้ามมีห่อจัดกิจกรรมต่างในหมู่บ้านโดยเด็ดขาด
  5. สวมแมสตลอดเวลาเมื่อออกจากบ้าน ล้างมือบ่อยๆด้วยเจลแฮอกอฮอล์ เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงผู้คนแออัด
  6. ห้ามออกนอกเคหะสถานตั้งแต่เวลา 22.00 -03.00 น.

ด้านนางสุคนธ์ บัวชุม ประธานอสม.หมู่ที่ 7 ต.บ่อน้ำร้อน กล่าวว่า เมื่อเราทราบว่าภายในหมู่บ้านมีใครติดเชื้อโควิด19 ตั วอสม.ต้องมีหน้าที่ไปติดตามผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ และให้กลุ่มใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ หรือ กลุ่มเสี่ยง ลงทะเบียน เพื่อ swab หาเชื้อตามลำดับ หลังจากนั้นสาธารณสุขอำเภอจะนำกลุ่มเหล่านั้นเข้าสู่กระบวนการกักตัว คือ กลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงเข้ากักตัวใน LQ ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำกักตัวที่บ้าน HQ โดยมีอสม.เป็นผู้ติดตามอาการรายวัน หากมีไข้ให้ไปติดต่อ รพ.สต. และให้ไปswab ในวันถัดไป ตนในฐานะประธานอสม.หมู่บ้านมีความหนักใจ เนื่องจากตอนนี้อสม.ในหมู่บ้านเดิมมีจำนวน 20 คน แต่ตอนนี้มาถูกกักตัวจำนวน 13 คน เหลือทำงานได้ 7 คน แต่มาทำงานได้แค่ 5 คน เพราะอสม.อีก 2 คน มีปัญหาสุขภาพ ไม่สามารถมาปฏิบัติงานได้ ซึ่งในตอนนี้ประชากรในหมู่บ้านเกือบ 60 หลังคาเรือนต้องกักตัวในบ้าน จึงทำให้กำลังอสม.ไม่เพียงพอ