‘วีซ่า’รุกคอนแทคเลส รับสังคมไร้เงินสด

‘วีซ่า’รุกคอนแทคเลส รับสังคมไร้เงินสด

“วีซ่า”เผยผลสำรวจคนไทยเดินหน้าเข้าสู่สังคมไร้เงินสดเร็วกว่าคาด 4-5 ปี สอดคล้องกับทิศทางทั่วโลกหลังเผชิญสถานการณ์โควิด -19 ระบุ Contactless มาแรง เตรียมจับมือพันธมิตรเพิ่มสัดส่วนการใช้จาก 15% เป็น 20%ในปีนี้

นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคประจำปีของวีซ่า จากกลุ่มตัวอย่าง1,000 คน อายุ 18-65 ปี รายได้ไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือนว่า จากกลุ่มตัวอย่างมี 4 ใน 5 หรือประมาณ 82% ได้ทดลองใช้ชีวิตแบบไร้เงินสด และโดยเฉลี่ยคนไทยสามารถใช้ชีวิตอย่างไร้เงินสดได้นานถึง 8.1 วัน นอกจากนี้ มีสัดส่วนผู้ที่ใช้ชีวิตโดยไร้เงินสด 1 สัปดาห์เพิ่มขึ้นเป็น 19% จากปีก่อนหน้าที่ 17% และหากเพิ่มระยะเวลาเป็น 1 เดือนจะมีสัดส่วนที่ 4% จากปีก่อนหน้าที่ 3% และมีคนไทยพกเงินสดน้อยลงมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 51% จากเดิมอยู่ที่ 30% เนื่องจากหันมาใช้จ่ายผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์

ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการเข้าสู่สังคมไรเงินสดที่เร็วกว่าการคาดการณ์ก่อนเกิดการระบาดของโควิด 19 ที่ประเมินกันไว้ประมาณ 10 ปีมาเป็น 4-5 ปี หรือประมาณปี 2569 โดยผู้บริโภคชาวไทยรับรู้และคุ้นเคยกับการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดมากที่สุด 94% ตามด้วยวิธีการชำระเงินแบบแตะเพื่อจ่ายผ่านสมาร์ทโฟน 92% และการแตะเพื่อจ่ายผ่านบัตรคอนแทคเลส (Contactless) 89% ส่วนในด้านของการใช้งานจริงนั้น 45% ของผู้ทำแบบสอบถามเลือกชำระเงินแบบแตะเพื่อจ่ายผ่านสมาร์ทโฟนมากที่สุด ตามมาด้วยการสแกนชำระผ่านคิวอาร์โค้ด 42% และแตะเพื่อจ่ายผ่านบัตรคอนแทคเลส 41% โดย 3 ข้อดีของการก้าวสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Cociety)ได้แก่ การยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโรค 61% ไม่ต้องต่อคิวในธนาคาร 60% และช่วยให้สามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวของบัญชีได้ง่ายขึ้น 59%

นายสุริพงษ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงโควิดฯที่ผ่านมาทำให้พฤติกรรมคนเปลี่ยนไป อีคอมเมิร์ชเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ขณะที่วีซ่าเองก็ต้องมองว่าจะทำอย่างไรให้ Payment เกิดขึ้นได้ในสภาวะอย่างนี้ ซึ่งเทรนด์หนึ่งที่เราเห็นก็คือ Contactless แตะเพื่อจ่ายโดยที่ไม่ต้องแตะต้องธนบัตรที่อาจจะมีการปนเปื้อน และยังเป็นเทรนด์ที่น่าจะไปได้ต่อเนื่อง เพราะปีนี้ทั้งปีโควิดฯก็ยังคงอยู่กับเรา นอกจากนี้ มีลูกค้าได้ลองใช้แล้วก็มักจะใช้ต่อไปหรือใช้เพิ่มขึ้นเพราะมีความสะดวก

โดยทางวีซ่าเองก็มีแนวทางที่จะเพิ่มสัดส่วนผู้ใช้ Contactless เพิ่มขึ้นเป็น 20%ของธุรกรรมทั้งหมดในปีนี้ จากเดิมที่ประมาณ 15% ซึ่งก็เป็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากก่อนหน้าที่มีแค่ 0.1% โดยมองว่าการเพิ่มขึ้นของจำนวนธุรกรรมจะสอดคล้องกับการเปลี่ยนบัตรเดบิต-เครดิตที่หมดอายุของธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากบัตรรุ่นใหม่จะเป็นคอนแทคเลส รวมถึงการเปลี่ยนเครื่องรับบัตร (EDC) ที่รับชำระได้ 4 in 1 ได้ ขณะที่วีซ่าเองก็จะมีแคมเปญออกมาส่งการใช้ รวมถึงจับมือพันธมิตรเพื่อเพิ่มช่องทางการใช้ อาทิ หมวดการเดินทาง ทั้งทางเรือและรถไฟฟ้าใต้ดิน เป็นต้น


"การขับเคลื่อนธุรกรรมแตะเพื่อจ่าย หรือ Contactless ถือเป็น 1 ในแผนงาน 3 ด้านของวีซ่าในปีนี้ ส่วนที่เหลือก็จะมีในด้านความมือกับธนาคารแห่งประเทศไทยหรือธปท.ในการดำเนินโครงการต่างๆที่จะช่วยขัยเคลื่อนระบบโดยรวม และสุดท้ายเป็นเรื่องของ Value Added Service ซึ่งวีซ่าจะเดต้าก้อนใหญ่ที่ตัวเองมีอยู่มาใช้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับลูกค้ามากขึ้น อาทิ การแจ้งเตือนร้านค้าที่มีประวัติการฉ้อโกง เป็นต้น"

สำหรับตลาดประเทศ ถือเป็นตลาดใหญ่อันดับ 1 และ 2 ของเอเชีย โดยมีจำนวนผู้ถือบัตรกว่า 70-80 ล้านใบ และมีประชากรที่เข้าถึงบัญชีธนาคารสัดส่วนค่อนข้างสูงถึง 83% ทำให้สัดส่วนการชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์สูงถึง 72% และใช้เงินสดเพียง 28% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการกระตุ้นการใช้ผ่านบริการรับโอนเงินรูปแบบใหม่ (พร้อมเพย์) และเข้าถึงอินเตอร์เน็ต 78% มีสมาร์ทโฟน 134% และใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก 79% ขณะที่ วีซ่า ทั่วโลก 200 ประเทศ และฐานลูกค้ากว่า 3,500 ล้านบัญชี ทั้งบัตรเครดิต เดบิต และพรีเพด มีธนาคารพาณิชย์พันธมิตร 15,300 แห่ง ร้านค้า 70 ล้านร้านค้า จำนวนธุรกรรมกว่า 1 แสนล้านรายการ คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่าย 11 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ