ไทม์ไลน์ ‘บุคลากรทางการแพทย์’ ติด ‘โควิด-19’ รายที่ 7

ไทม์ไลน์ ‘บุคลากรทางการแพทย์’ ติด ‘โควิด-19’ รายที่ 7

สธ.เผยไทม์ไลน์ บุคลากรทางการแพทย์ติดโควิด-19รายที่ 7 กลุ่มเดิมกลุ่มเดียวกันกับ 6 รายก่อนหน้า คนอยู่ร่วมคอนโดเป็นกลุ่มที่ไม่เสี่ยง

          เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 14 ธ.ค.2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)  ในการแถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19  นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) กล่าวว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 28 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 1 รายบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงของผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้า  เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้ากักกัน 27 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสมรวม 4,237 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,463 ราย มาจากต่างประเทศ 1,774 ราย เข้าสถานที่กักกัน 1,243 ราย หายกลับบ้านรวม 3,940 ราย ยังรักษาใน รพ. 237 ราย เสียชีวิตรวม 60 ราย
           นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ 1 ราย เป็นหญิงไทยอายุ 27 ปี บุคลากรการแพทย์ กลุ่มเดียวกับผู้ป่วยที่รายงานไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่ามีผู้ป่วยรายแรกปฏิบัติงานในสถานที่กักตัวทางเลือก (ASQ) และตรวจพบเชื้อเป็นรายที่ 1 หลังจากนั้นก็มีการสอบสวนและค้นหาเพิ่มเติมจนพบเพิ่มอีก 4 ราย ซึ่งทำให้เราสามารถที่จะจำกัดขอบเขตการระบาดได้ ต่อมาก็พบติดเชื้อเพิ่มในรายที่ 6 ได้จากการตรวจซ้ำและวันนี้ (14 ธ.ค.) เป็นรายที่ 7 ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องพักของผู้ป่วยรายที่ 6 และรับประทานอาหารร่วมกับรายที่ 4 จะเห็นว่าทั้งหมดเกิดขึ้นในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งมีการใช้ชีวิตนอกเวลางานร่วมกันทั้งรับประทานอาหารและการพักอาศัย
160793098337

          จากการสอบสวนโรคร่วมกันของทีมควบคุมป้องกันโรค กทม. และกองระบาดวิทยา สถาบันควบคุมป้องกันโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค จากการติดตามประวัติผู้ป่วยรายที่ 7 นั้นเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.มีการเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยรายที่ 4 นั้นเนื่องจากมีการทำงานที่เดียวกัน รับประทานอาหารร่วมกัน และพักอยู่ในคอนโดเดียวกันกับรายที่ 6 และมีการรับประทานอาหารด้วยกันระหว่างวันที่ 5-7 ธ.ค. จึงถือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ต่อมาวันที่ 8 ธ.ค.เมื่อเพื่อนร่วมห้องพักคือผู้ป่วยรายที่ 6 มีการตรวจพบเชื้อฯ รายนี้จึงได้รับการตรวจเช่นเดียวกันแต่ผลเป็นลบไม่พบเชื้อฯ จากนั้นเมื่อเข้าสู่การกักกัน ถัดมาอีก 4 วันคือในวันที่ 12 ธ.ค.เริ่มมีอาการเจ็บคอ แน่นจมูกจึงตรวจหาเชื้อซ้ำก็พบว่าเป็นผลบวกมีเชื้อโควิด-19 อยู่ในการดูแลรักษาของแพทย์
160793100937

        “จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่วันที่ 8 -12 ธ.ค. ก่อนจะได้รับการวินิจฉัยโรคนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้อื่น อยู่ในสถานที่ที่เป็นเอกเทศและไม่มีอาการ จึงถือว่ามีความปลอดภัยสูง ความเสี่ยงจำกัดอยู่เฉพาะในกลุ่มนี้ที่เป็นเพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น ประชาชนไม่ต้องกังวล รวมถึงผู้ที่พักในคอนโดมีเนียมแห่งเดียวกันนี้ก็ไม่ต้องกังวลถ้าไม่มีอาการผิดปกติอะไรถือว่าเป็นกลุ่มที่ไม่เสี่ยง แต่ถ้ามีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรถ สามารถเข้ารับการตรวจได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านได้ แต่ก็ขอให้สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ ถ้าทำได้โอกาสที่จะได้รับเชื้อไม่ว่าจะเป็นสถานที่นี้หรือสถานที่อื่นก็จะน้อย” นพ.โสภณ กล่าว 

          นพ.โสภณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการแถลงข่าวว่า ในกลุ่มบุคลากรการแพทย์นี้มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด 31 ราย ซึ่งเป็นบุคลากรการแพทย์ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่สัมผัสในห้องสัมภาษณ์งานที่รพ.รัฐแห่งหนึ่ง รวมถึงครอบครัว รวมแล้วทั้งหมดมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 51 ราย (รวมถึงผู้ป่วยรายที่ 6 กับรายที่ 7) และในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ จะครบ 10 วัน ของการกักตัว ดังนั้นจะมีการตรวจหาเชื้อรอบที่ 3 หากผลการตรวจออกมาไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มก็คิดว่าน่าจะสบายใจได้ แต่ต้องกักตัวให้ครบ 14 วัน.