กมธ.พาณิชย์ เชิญซีพี-เทสโก้ แจง 16ธ.ค.นี้

กมธ.พาณิชย์ เชิญซีพี-เทสโก้ แจง 16ธ.ค.นี้

บอร์ดการค้าเตรียมเผยแพร่คำวินิจฉัยดีลซีพีควบโลตัส ปลายสัปดาห์นี้ ด้านซีพียังเฉยรับหรือไม่รับคำสั่งกขค.ขณะที่กมธ.พาณิชย์  สภาผู้แทนราษฏร เตรียมเชิญซีพี-เทสโก้แจง 16 ธ.ค.นี้

นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา ประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.)  เปิดเผยว่า ขณะนี้กรรมการการแข่งขันทางการค้ากำลังเขียนคำวินิจฉัยส่วนตัวกรณีอนุญาติให้กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือกลุ่มซีพีควบรวมกิจการกับบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จํากัด ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกภายใต้เครื่องหมายการค้า Tesco Lotus ในประเทศไทย  ซึ่งตนได้กำชับให้เขียนให้เสร็จโดยเร็ว เพราะขณะนี้สังคมให้ความสนใจมากโดยเฉพาะเหตุผลของการที่กรรมการอนุญาตและไม่อนุญาตการควบรวมกิจการ ทั้งนี้การเขียนคำวินิจฉัยไม่มีระเบียบหรือขั้นตอนกำหนดไว้  รวมทั้งวิธีการการเผยแพร่คำวินิจฉัย ซึ่งพ.ร.บ.ฉบับเก่าไม่ได้เขียนเรื่องนี้ไว้ แต่พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า ฉบับใหม่ ระบุให้คณะกรรมการฯทุกคนต้องเขียนคำวินิจฉัยและเผยแพร่ต่อสาธารณะ และไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาต้องเสร็จภายในกี่วัน โดยเรื่องนี้ทางสำนักงานไม่เคยทำมาก่อน ดังนั้นการดำเนินการต้องทำด้วยความรอบคอบเพื่อไม่ให้ทำผิดกฏหมาย

นายสกนธ์ กล่าวว่า  ในส่วนของการดำเนินการตามคำสั่งของคณะกรรมการฯในการควบรวมกิจการนั้น ขณะนี้ กลุ่มซีพี ยังไม่ได้ยื่นเรื่องแย้งคำสั่งและเงื่อนไข 7 ข้อ ตามมติของกขค.ที่ให้อนุญาตควบรวมกิจการ โดยยังอยู่ในระยะเวลา 60 วันตามพ.ร.บ.แข่งขันทางค้า ซึ่งหากยอมรับคำสั่งก็ปฏิบัติตามเงื่อนไข 7 ข้อของกขค.

รายงานข่าวจากกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.)  แจ้งงว่า ความคืบหน้าเผยแพร่คำวินิจฉัยส่วนตัวของกขค.ก นั้น ขณะนี้ทางคณะกรรมการฯได้เร่งเขียนคำวินิจฉัยส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย  โดยอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อมูล คาดว่าปลายสัปดาห์หน้าคงเรียบร้อยและสามารถเผยแพร่คำวินิจฉัยได้

               

นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ (กมธ.)สภาผู้แทนราษฏร  กล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่าทาง กมธ.การพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฏร  ที่มีนายอันวาร์ สาและ  ประธานคณะกมธ.ฯได้ทำหนังสือเชิญตัวแทนของกลุ่มซีพีและเทสโก โลตัส เข้ามาชี้แจงถึงการควบรวมกิจการในการประชุมกมธ.วันที่ 16 ธ.ค.นี้  ภายหลังจากคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจได้เชิญเลขาธิการคณะกรรมการแข่งขันทางการค้ามาให้ข้อมูลการอนุญาตให้มีการควบรวมกิจการ ซึ่งทางกมธ.พัฒนาเศรษฐกิจคงไม่ทำหนังสือเชิญอีกเพราะจะเป็นการซ้ำซ้อน แต่ภายหลังที่กมธ.การพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญาได้ประชุมเสร็จสิ้นแล้วก็จะขอรายงานการประชุมเพื่อนำมาประกอบการพิจารณา  ทั้งนี้ทางกมธ.ได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามผลกระทบจากการควบรวมกิจการในครั้งนี้ด้วย

             

นอกจากนี้ทางกมธ.ยังเห็นว่าควรจะมีการแก้ไขพ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า เนื่องจากมีจุดบกพร่องหลายจุด ทั้งกรรมการสรรหาคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าที่มีแต่ข้าราชการ ตัวแทนหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรม แต่ไร้ตัวแทนของฝ่ายคุ้มครองผู้บริโภค เอสเอ็มอี ซึ่งมองควรต้องมีบุคคลภายนอกเข้าร่วมเป็นกรรมการสรรหาด้วย เรื่องของคำวินิจฉัยต้องมีการแก้ไขปรับปรุงโดยต้องเปิดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นต่อคำวินิจฉัยได้และมีผลต่อคำสั่งของคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ซึ่งมีตัวอย่างในประเทศสิงคโปร์ที่แกร็บควบกับอูเบอร์ จนส่งผลให้มีการเปลี่ยนคำสั่งการควบรวมกิจการ

รวมทั้งต้องแก้ใขในเรื่องของระยะเวลาการพิจารณาการควบรวมกิจการที่กฎหมายกำหนดไว้ที่ 90 วัน ทางกมธ.เห็นว่าเป็นเวลาที่สั้นไม่เพียงพอต่อการพิจารณา โดยเฉพาะกรณีการควบรวมกิจการที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาท ควรปรับให้เป็น 180 วัน และนิยามของอำนาจเหนือตลาดที่ต้องแก้ไขให้มีความชัดเจนมากขึ้น