'ทาทา-ไอทีซี'รุกธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ

'ทาทา-ไอทีซี'รุกธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ

'ทาทา-ไอทีซี'รุกธุรกิจอี-คอมเมิร์ซท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดและต้องชิงส่วนแบ่งตลาดจากอเมซอน และฟลิปคาร์ทที่ครองความเป็นจ้าวตลาดอยู่

ตลาดอี-คอมเมิร์ซอินเดียขยายตัวอย่างรวดเร็ว อานิสงส์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19ที่ผลักดันให้ผู้คนหันมาจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการทางออนไลน์กันมากขึ้น ล่าสุด ทาทา กรุ๊ป เปิดตัวทาทา คลิก(Tata CLiQ.)แพลทฟอร์มดิจิทัล หวังชิงส่วนแบ่งตลาดในเซกเมนท์นี้จากอเมซอนและฟลิปคาร์ท หน่วยงานในเครือวอลมาร์ทที่ได้รับความนิยมสูงในแดนภารตะ

ทุกวันนี้ อเมซอนและฟลิปคาร์ท ซึ่งผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภคครอบคลุมทุกประเภทและมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดส่งทั่วประเทศ ถือเป็นผู้นำในตลาดอี-คอมเมิร์ซอินเดีย และถ้าจะมีบริษัทใดก้าวขึ้นมาท้าชนได้บริษัทนั้นน่าจะเป็นบริษัททาทา โดยผลิตภัณฑ์ของทาทา ซึ่งรวมถึงตู้เย็นจากกลุ่มบริษัทโวลทาส และสินค้าแฟชั่นจากแบรนด์เวสต์ไซด์ รวมทั้งสินค้าแบรนด์ตะวันตกที่ผู้บริโภคคุ้นเคยดีจะถูกนำมาวางจำหน่ายผ่านอินเทอร์เน็ตในนาม ทาทา คลิ๊ก

เมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มบริษัททาทา ได้เปิดตัวร้านของชำทางออนไลน์ชื่อ สตาร์ควิก และร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าทางออนไลน์ชื่อโครมา อีกทั้งในอนาคตทาทามีแผนที่จะผนวกเว็บไซต์ทั้งสองเข้ากับทาทา คลิก และใช้ระบบการจ่ายเงินเป็นของตัวเองทั่วประเทศอินเดียในรูปแบบดิจิทัล

ด้านหน่วยงานในอินเดียของซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ คาดการณ์ว่าธุรกิจออนไลน์ทำรายได้ให้บริษัทประมาณ10% ภายในปลายปี 2564 และขณะที่แนวโน้มธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในอินเดียกำลังสดใส การระบาดของโรคโควิด-19ก็เป็นปัจจัยเร่งให้ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม หันมาซื้อสินค้าและบริการทางออนไลน์กันมากขึ่้น ทำให้บริษัทหลายแห่งต้องปรับกลยุทธให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงไปของตลาด

อัลวาเรซ แอนด์ มาร์แชล บริษัทที่ปรึกษาด้านบริหาร-จัดการ และสมาพันธ์อุตสาหกรรมอินเดีย ซึ่งทำการวิจัยทางการตลาดร่วมกัน ระบุว่า ยอดขายในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซอินเดียมีมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2562 และคาดว่าจะเพิ่มกว่า3เท่ามีมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2567 และงานวิจัยชิ้นนี้ยังพบว่า ยอดขายทีวีทางออนไลน์ขยายตัว 24% ในปี 2562 เมื่อเทียบกับ1ปีก่อนหน้านี้ ส่วนยอดขายเครื่องซักผ้าเพิ่มขึ้น 12% และยอดขายตู้เย็นเพิ่มขึ้น 5%

แต่ทาทา ไม่ได้เป็นบริษัทเดียวที่พยายามชิงส่วนแบ่งตลาดด้านนี้ หน่วยงานในอินเดียของซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์คาดการณ์ว่ายอดขายออนไลน์ช่วงปลายปี 2564จะเพิ่มขึ้น 10%

ส่วนไอทีซี ผู้เล่นหลักในตลาดอุปโภค-บริโภคที่มีอัตราการเติบโตรวดเร็วก็เริ่มขายสินค้าตัวชูโรงผ่านแพลทฟอร์มอี-คอมเมิร์ซด้วยเช่นกันรวมทั้งบริษัทเอบีบี บริษัทผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีฐานดำเนินงานอยู่ในซูริกก็ต้องการประสบความสำเร็จในตลาดอี-คอมเมิร์ซอินเดียเช่นกัน หลังจากเปิดตัวแพลทฟอร์มอี-คอมเมิร์ซไปแล้วในปีนี้

“เราต้องการเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายโดยตรง แพลทฟอร์มของเราเสนอราคาที่โปร่งใสสำหรับลูกค้า และเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ซื้อสินค้าทุกตัวในราคาที่พอใจที่สุด”ซีพี วียาส ประธานหน่วยงานในอินเดียของเอบีีบี กล่าว

ฟอร์เรสเตอร์ รีเสิร์ช ระบุว่า น้องใหม่ที่จะเจาะตลาดอี-คอมเมิร์ซอินเดียอาจจะพบว่าเจาะตลาดได้ยากเนื่องจากปัจจุบันนี้ อเมซอน และฟลิปคาร์ทเป็นเจ้าตลาดอยู่ โดยฟลิปคาร์ท ครองส่วนแบ่งตลาด 31.9% และอเมซอนครองส่วนแบ่งตลาด 31.2% นับจนถึงปี2561

ขณะที่บรรดาผู้ค้าปลีกรายอื่นๆ มีความเห็นไปในทำนองเดียวกันว่า กลยุทธที่ดีที่สุดในการเจาะตลาดอี-คอมเมิร์ซอินเดียคือการร่วมมือกับอเมซอนและฟลิปคาร์ท ผ่านการเสนอสินค้าที่แตกต่างออกไป ตัวอย่างเช่น บริษัทขายรองเท้ากีฬาสัญชาติญี่ปุ่นแบรนด์เอซิคส์ ใช้กลยุทธลูกผสมด้วยการจำหน่ายสินค้าทั้งบนเว็บไซต์ของตัวเองและบนเว็บไซต์อเมซอน

“เราร่วมมือกับช่องทางการขายสินค้าทางออนไลน์อื่นๆด้วย อาทิ เว็บอเมซอนและฟลิปคาร์ทอย่างละเท่าๆกัน เนื่องจากเว็บเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างขึ้น ช่วยนำแบรนด์เอซิคส์ไปเป็นที่รู้จักของลูกค้าทุกกลุ่มทั่วประเทศ และในระยะยาวเราจะเน้นสร้างช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งเว็บไซต์ของเราและของหุ้นส่วนด้วยการเสนอผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน”ราจัต คูรานา กรรมการผู้จัดการเอซิคส์ อินเดีย กล่าว

คูรานา กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า เว็บไซต์ของเอซิคส์ยังให้ประสบการณ์ช็อปปิงส่วนตัวแก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าทางออนไลน์มากขึ้นด้วย ซึ่งรวมถึงการสร้างประสบการณ์ด้านไอดี (identification)เท้าแบบเสมือนจริง เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจโครงสร้างของเท้าตัวเองก่อนตัดสินใจซื้อ