อดีตนายกฯ 'อานันท์' แนะเปิดเวทีฝ่าวิกฤติชาติต้องไม่บังคับ หนุนแก้รธน.ปิดสวิชต์ส.ว.

อดีตนายกฯ 'อานันท์' แนะเปิดเวทีฝ่าวิกฤติชาติต้องไม่บังคับ หนุนแก้รธน.ปิดสวิชต์ส.ว.

'อานันท์ ปันยารชุน' อดีตนายกฯแนะ เปิดเวทีกลางฝ่าวิกฤติชาติ เงื่อนไขต้องไม่บังคับ หนุนแก้รธน.ปิดสวิชต์ส.ว.

นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านเวทีนักคิดดิจิทัล ครั้งที่ 13 “จากรุ่นแอนะล็อกสู่ยุคดิจิทัล เราจะลดช่องว่างการสื่อสารด้วยความจริงใจและความงามได้อย่างไร” จัดโดยภาคีโคแฟค ประเทศไทย (Cofac) สถาบันเชนจ์ฟิวชั่น มูลนิธิฟรีดิช เนามัน สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงสถานการณ์การเมืองขณะนี้ตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันปัญหาของเมืองไทย เป็นปัญหาที่เรียกว่าเป็นการเมืองเหมือนที่เคยมีมาในอดีต

การเมืองทำไปทำมาสู้รบกันเสร็จก็มีการรัฐประหาร จากนั้นก็เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ พอเขียนเสร็จก็เลือกตั้งและตั้งรัฐบาล ต่อมาอีก 7-8 ปี ก็วนเวียนกลับมา ส่วนตัวมองว่าสิ่งที่เราทำมาในอดีต 88 ปี ไม่ว่าจะเป็นการเขียนรัฐธรรมนูญ การตั้งรัฐบาลหรือมีนโยบายต่างๆ ก็ดี เป็นเรื่องของการมองผลในระยะสั้นเท่านั้น ไม่ได้มองประเด็นถึงแก่นรากของประเด็น 

ความสงบที่แท้จริงต้องเป็นความสงบที่ไม่ได้เกิดจากการบังคับ ไม่ได้มาจากเบื้องบนและไม่ได้มาจากเบื้องล่าง แต่เป็นความสงบที่ทุกฝ่ายพูดคุยกันแล้วยอมรับ ต้องมองว่าความสงบที่แท้จริงรากอยู่ที่ไหน ตนคิดว่าตราบใดที่สังคมไม่มีความยุติธรรม ไม่มีความเสมอภาค มันไม่มีความสงบ อย่างน้อยหากจับเหตุของปัญหาที่ถูกต้องโอกาสที่เราจะไปสู่สังคมที่มีความยุติธรรมมากขึ้น 

ตนคิดว่าความวุ่นวายในปัจจุบัน ตนจะไม่พูดถึงข้อเรียกร้องของเขา ความวุ่นวายในปัจจุบันมันอ่อนดีกรีมากกว่าในอดีต ไม่ว่าจะเป็น 14 ต.ค. 16 หรือ 6 ต.ค.19 ซึ่งเป็นข้อพิพาททางด้านการเมือง ซึ่งทั้ง 2 เหตุการณ์จบด้วยการปะทะกัน การใช้อินเตอร์เนตแพลตฟอร์มต่างๆ ทำให้เกิดปัญหาความไม่เข้าใจเกิดขึ้น ไม่เหมือนพูดคุยกันต่อหน้า จึงต้องเปิดกว้างและรับฟังกันให้มาก

ส่วนประเด็นประเด็นการร่างรัฐธรรมนูญารเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือปรับปรุงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เราต้องวางหลักเกณฑ์ว่าควรให้สั้น ไม่ลงรายละเอียดมากเกินไป และต้องดูมาตราที่สร้างปัญหา ที่มีปัญหาแน่นอนคือการแต่งตั้ง 250 ส.ว. และให้อำนาจตั้งนายกฯ อันนี้ต้องออกไปแน่ๆ เป็นประเด็นที่ทำให้เกิดการเดินขบวนเป็นสิ่งที่เยาวชนรุ่นใหม่ และเยาวชนรุ่นเก่า

ส่วนมาตรา 112 คุณจะเขียนอย่างไรก็ได้ แต่จะต้องไม่เป็นคดีอาญา คือไม่มีการลงโทษ และเป็นคดีแพ่ง มีค่าปรับเท่าเท่านั้น และไม่ใช่ปรับในอัตราที่สูงเกินไป ต้องวางหลักเกณฑ์แน่นอนว่าอยากเห็นอะไร อีกหลายมาตราก็ต้องปรับปรุงกันไป

"อีกเรื่องที่จะเป็นปัญหา ผมไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะพูดว่าจะทำหรือไม่ทำ เด็กยืนยันว่านายกฯ เป็นตัวปัญหา คนรุ่นใหม่มองว่านายกฯ เป็นคนเดียวที่ปลดล็อกได้ จะปลดล็อกด้วยวิธีลาออกหรือไม่ผมไม่รู้ ถ้าไม่ลาออกผมก็ไม่ว่าอะไร เพราะเป็นสิทธิของท่าน แต่ต้องรู้ว่าเขาเรียกร้องอย่างนั้น ท่านฟังหรือได้ยินหรือไม่ผมก็ไม่รู้ แต่ถ้าเกิดจะเถียงกับเด็กรุ่นใหม่โดยอ้างกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ มันไม่ไปไม่ถึงไหน เพราะเริ่มต้นมันผิดมาตลอดแล้ว มันผิดมา 7 ปีแล้ว"