'หุ้นสหรัฐ ยุโรป เอเชีย' มีแนวโน้มไปทางเดียวกัน

'หุ้นสหรัฐ ยุโรป เอเชีย' มีแนวโน้มไปทางเดียวกัน

ปัจจัยด้านข่าว Covid 19 ทั้งไทยและทั่วโลกจะยังไม่นิ่งนัก ทำให้ดัชนีหุ้นทั่วโลกยังคงผันผวนกราฟของดัชนีหุ้นทั่วโลกค่อนข้างไปทางเดียวกัน คือ เหมือนกำลังไต่ระดับสร้างจุดต่ำยกสูงขึ้นและสร้างจุดสูงสุดใหม่

1.DJIA ดัชนีดาวโจนส์ได้ฟื้นตัวต่อ เนื่องหลังจากจุดต่ำสุด 18,213.55 จุด ได้สร้างจุดต่ำยกสูงขึ้นและสร้างจุดสูงสุดใหม่เป็นบันไดขาขึ้น ท่ามกลางข่าวร้ายต่างๆ ที่ถาโถม โดยเฉพาะโควิด 19 ที่สหรัฐครองแชมป์ จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก นักลงทุนส่วนใหญ่คาดหวังว่า ทิศทางดังกล่าวจะเริ่มชะลอลง ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องดังกล่าว ในระยะสั้นๆ กำลังทดสอบแนวต้าน 24,000-25,000 และ 26,000 จุด ตามลำดับ หากไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ อาจจะพักฐานลงมาก่อน

จะเริ่มเป็นขาขึ้น เมื่อผ่านแนวต้านสำคัญ 26,000 จุด หลากหลายคำถามว่า จะเอาปัจจัยบวกอะไรมาทำให้ดัชนีดาวโจนส์เป็นขาขึ้นได้ โดยปกติ หากสัญญาณทาง เทคนิคส่งสัญญาณเชิงบวก ตอนปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องๆ จะไร้ปัจจัยบวก แต่หากเมื่อไหร่ปัจจัยลบ โดยเฉพาะเรื่องโควิด-19 จบเมื่อไหร่ ราคาหุ้นจะไปไกลแล้ว (ท่านเชื่อการวิเคราะห์แบบไหน?) ช่วงนี้หากติดตามข่าวรายวัน จะพบว่ามีแต่ปัจจัยลบตลอดทาง

2.16 เม.ย. 63 นายฮานส์ คลูจ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำภูมิภาคยุโรป กล่าวว่า ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดโควิด-19 ในยุโรปได้พุ่งขึ้นถึง 2 เท่าจนเกือบแตะ 1 ล้านราย และช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าถือเป็นช่วงเวลาที่วิกฤติ

คลูจกล่าวว่า สิ่งนี้แสดงว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ราว 50% ของทั้งโลกอยู่ในยุโรป และขณะนี้ยุโรปก็มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 84,000 ราย ยุโรปยังคงต้อง เผชิญกับการแพร่ระบาดต่อไป นอกจากนี้คลูจยังกล่าวถึงการที่บางประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ว่า ไม่มีเส้นทางด่วนในการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ

หัวหน้านักยุทธศาสตร์ระดับโลกของ เจพีมอร์แกน เปิดเผยกับสื่อต่างประเทศว่า ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก สามารถรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีกว่าหลายๆ ภูมิภาคที่กำลังถูกแช่แข็งจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้

3.ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดพุ่งขึ้น จากความหวังที่ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาฟื้นตัว หลังจากที่ประเทศต่างๆ กำลังพิจารณาหรือเริ่มที่จะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตรายวันในอิตาลีและสเปนเริ่มชะลอตัว ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 3.14 หรือ 0.97% แตะที่ระดับ 326.20 จุด ดัชนี CAC40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดวันนี้ที่ 4,402.38 จุด เพิ่มขึ้น 48.66 จุด +1.12% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีเปิดวันนี้ที่ 10,420.26 จุด เพิ่มขึ้น 140.50 จุด +1.37%, ดัชนีหุ้นของ อิตาลี FTMIB 16990 จุด

4.ราคาน้ำมันในตลาดโลก สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดร่วงหลุดจากระดับ 20 เหรียญฯ/บาร์เรล และทำสถิติปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 18 ปี ส่งผลเชิงลบกับหุ้นกลุ่มพลังานอีกครั้ง แม้ว่าจะมีการทำข้อตกลงกันระหว่างกลุ่มโอเปก และนอกกลุ่มโอเปกในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน แต่ยังมีความกังวลว่าอาจจะไม่เพียงพอต่ออุปสงค์ที่หดตัวลงค่อนข้างมาก

สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ประมาณการณ์ว่าอุปสงค์จะหดตัวจากผลกระทบของแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ถึง 29 ล้านบาร์เรล ทำให้เป็นแรง ขายทำกำไรของน้ำมัน และกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี 

5.ค่าเงินบาท ล่าสุด 16-04-2563 ที่ 32.60 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อย หลังมีแรงเทขายดอลลาร์ ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน ส่วนที่มีการปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้นเป็นเรื่องที่ตลาดรับรู้ไปแล้ว ล่าสุดต่างชาติขายสุทธิ 2,251.60 ล้านบาท (SET+MAI) ขณะที่นักลงทุนสถาบันภายในประเทศขายหุ้นออกมาสุทธิอย่างหนักสูงถึง 4,473 ล้านบาท

สรุป จากกระแสข่าวรายวัน, ที่เราจะมุ่งไปที่ข่าว Covid 19 ทั้งไทยและทั่วโลก จะพบว่าหลายๆ ประเทศมีการติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ไทย การ ติดเชื้อและเสียชีวิตเริ่มลดลง กำลังลุ้นว่ามาตรการปลดล็อคจะเริ่มขึ้นได้เมื่อไหร่ เพราะจะกลายเป็นข่าวดีที่จะทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นได้

ปัจจัยด้านข่าว Covid 19 ทั้งไทยและทั่วโลกจะยังไม่นิ่งนัก เพราะบางวันเพิ่มสูงขึ้นบางวันลดลง ทำให้ดัชนีหุ้นทั่วโลกยังคงผันผวนกราฟของดัชนีหุ้นทั่วโลกค่อนข้างไปทางเดียวกัน คือ เหมือนกำลังไต่ระดับสร้างจุดต่ำยกสูงขึ้นและสร้างจุดสูงสุดใหม่ แต่เนื่องจากปรับตัวขึ้นมาหลายวันและต่อเนื่องรุนแรง ได้เริ่มปรับตัวขึ้นช้าลงและดูเหมือนกำลังจะปรับฐานช่วงสั้นๆ เพื่อรอปัจจัยบวกใหม่ๆ

ส่วนการปรับฐานครั้งนี้จะใช้เวลานานและปรับตัวลงแรงแค่ไหน ต้องคอยติดตามสถานการณ์ น่าจะไปทางเดียวกันทั้งโลก (ทั้ง โซนอเมริกา, ยุโรป เอเชีย) จากการวิเคราะห์ทางกราฟเทคนิค แนวโน้มราคาหุ้นเริ่มเป็นบวกมากขึ้นในระยะกลางๆ แม้ระยะสั้นๆ จะต้องปรับฐานลงมาก่อนก็ตาม แต่ยังดูเป็นเชิงบวกมากขึ้นเรื่อยๆ

หากการปรับฐานของหุ้นทั่วโลก ไม่สร้างจุดต่ำใหม่ ทิศทางราคาหุ้นน่าจะเริ่มไปสู่ขาขึ้นได้ ดัชนีหุ้นไทย หากช่วงปรับตัวลงมา ระยะสั้นหากไม่หลุดแนวรับบริเวณ = 1,153, 1,118-1,120, 1,080-1,082 จุด ตามลำดับ จะเป็นทิศทางเชิงบวกต่อไปได้ ในทางกลับกัน หากจบการปรับฐานและหากสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ จึงจะมีโอกาสไปทดสอบแนวต้าน 1,288, 1,300 จุด ต่อไป สัปดาห์นี้ให้ผ่านการประกาศผลการดำเนินงานของกลุ่มสถาบันการเงินและการจ่ายปันผลของหุ้นหลายๆ ตัวก่อน อาจจะทำให้แรงขายของต่างชาติและกองทุนลดน้อยลงได้

ถ้าเราเอาช่วงวิกฤตการณ์ต่างๆ มา เปรียบเทียบว่า ผ่านพ้นจุดต่ำสุดหรือยัง เช่น เกิดระเบิดภาคใต้รายวัน ต้มยำกุ้ง วิกฤติหนี้ยุโรปเริ่มจากกรีซ Hamburger Crisis ของสหรัฐ หรือการประท้วงเสื้อเหลือง เสื้อแดง น้ำท่วมใหญ่ในไทย 2554 เป็นต้น ไม่มีใครสนใจการลงทุนในหุ้นเลย นั่นคือ โอกาสทองในการลงทุน

หุ้นที่ให้ท่านนักลงทุนไปศึกษา (ยังเดิม) ปัจจัยพื้นฐาน+กราฟเทคนิค+รูปแบบการ ดำเนินธุรกิจของหุ้นแต่ละตัวแต่ละธุรกิจ เพราะวิกฤติ คือ โอกาส ที่จะได้ซื้อหุ้นดีๆ ราคาถูกๆ ราคาและจังหวะการซื้อขายให้ท่านนักลงทุนไปหาเอาเอง