‘ตลาดหุ้น’แกว่งต่อ รับข่าว‘ยาต้าน’โควิด
สัปดาห์นี้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทาง “แข็งค่า” เมื่อเทียบดอลลาร์ แม้ว่าสถานการณ์ “โควิด 19” ทั่วโลกยังแย่อย่างต่อเนื่อง กดดันค่าเงินเอเซียโดยรวม
ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินอื่นๆ ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินหยวนของจีน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินยูโร แต่ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ซึ่งปัจจัยเศรษฐกิจโดยรวมยังส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเนื่อง โดย IMF ชี้ว่าผลกระทบจากโควิก-19 จะส่งผลให้วิกฤติการเงินโลกในปีนี้รุนแรงที่สุดนับจาก Great Depression หรือเหตุการณ์ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในปี 1929
สำหรับในช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้า “ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย” คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.30-32.80 บาทต่อดอลลาร์ โดยมองว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นปัจจัยหลักที่ยังกดดันค่าเงินบาทและค่าเงินเอเชียต่อเนื่อง
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (17 เม.ย.2563) ปิดการซื้อขายที่ 1,239.24 จุด เพิ่มขึ้น 39.09 จุด หรือ 3.26% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 58,989.59 ล้านบาท ด้าน “บล.ทรีนีตี้” ระบุว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ดัชนีฯน่าจะเคลื่อนไหวในลักษณะผันผวนต่อ เนื่องจากยังมีปัจจัยบวกและลบที่มีอิทธิพลต่อตลาดอยู่ ทั้งกระแสข่าวยาต้านโควิด-19 และมาตรการเปิดเมืองทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งน่าจะมีรายละเอียดออกมาชัดเจนมากขึ้น รวมถึงยังต้องจับตาการทยอยประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนว่าจะออกมาแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้หรือไม่ ทั้งนี้ประเมินกรอบดัชนีฯไว้ที่ระดับ 1,150-1,250 จุด
ด้านความเคลื่อนไหวของราคาทองคำอยู่ที่ 1,694.96 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ราคาทองคำในประเทศอยู่ที่ 25,950 บาทต่อบาททองคำ โดย “วายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล” ระบุว่าในระยะสั้นหลังจากราคามีแรงขายเพิ่มขึ้นจนราคาอ่อนตัวลง แต่หากราคาทรงตัวรักษาระดับเหนือโซน 1,682-1,663 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (1,663 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นระดับต่่ำสุดในรายสัปดาห์) ประเมินว่าราคาทองคํายังมีแนวโน้มจะฟื้นตัวขึ้นช่วงสั้นเพื่อทดสอบแนวต้านในโซน 1,706-1,720 ดอลลาร์ต่อออนซ์