PSTC - ซื้อ

PSTC - ซื้อ

PSTC เติบโตสูงจากธุรกิจท่อส่งน้ำมันไปภาคอีสาน

บริษัท เพาเวอร์โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (“PSTC”) ประกอบธุรกิจ 1) ออกแบบ จำหน่าย และติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้าให้กับหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน 2) โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนต่างๆ อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานก๊าซชีวภาพ และพลังงานชีวมวล และ 3) จำหน่ายและขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว ก๊าซธรรมชาติเหลว สถานีจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ และท่อขนส่งน้ำมันไปภาคอีสานซึ่งดำเนินการโดย บริษัท บิ๊กแก๊ส เทคโนโลยี จำกัด (BGT) ปัจจุบันบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 51% และอยู่ระหว่างเพิ่มสัดส่วนเป็น 100% ภายใน 3Q62 โดยฝ่ายวิจัยมองว่า PSTC เป็นหุ้นเติบโตและประเมินราคาเหมาะสมปี 2563 อยู่ที่ 0.88 บาทต่อหุ้น

ประเด็นสำคัญในการลงทุน

  • ดำเนิน 3 ธุรกิจ จัดหาอุปกรณ์สำหรับระบบไฟฟ้า ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน และจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว : บริษัทดำเนินธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ 1) ธุรกิจออกแบบ จำหน่ายและติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้า (ระบบสำรองไฟฟ้า ระบบตรวจวัดและจัดการสภาพแวดล้อม ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และระบบประหยัดพลังงาน) ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ปี 2561 ร้อยละ 19.4 2) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนกำลังการผลิตรวม 66.2 MW แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 15.2  MW (ดำเนินการผลิตไฟฟ้าครบทุกโครงการแล้ว) โรงไฟฟ้าชีวมวล 38.4 MW (อยู่ระหว่างการพัฒนา 30.4 MW) และโรงไฟฟ้าชีวภาพ 12.6 MW (อยู่ระหว่างการพัฒนา 5.6 MW) ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ปี 2561 ร้อยละ 13.0 และ 3) ธุรกิจจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว ก๊าซธรรมชาติเหลว สถานีจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ และท่อขนส่งน้ำมันไปยังภาคอีสาน (ผ่านการลงทุนในบริษัท BGT ในสัดส่วน 51% อยู่ระหว่างการเพิ่มสัดส่วนเป็น 100%)  มีสัดส่วนรายได้ปี 2561 ร้อยละ 67.6 (ธุรกิจท่อขนส่งน้ำมันไปยังภาคอีสานอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างคาดแล้วเสร็จ 4Q64)
  • ธุรกิจท่อขนส่งน้ำมันหนุนการเติบโตในระยะยาว : บริษัท BGT ถือหุ้น TPN 57% (อีก 43% ได้ขายหุ้นให้ EGCO ณ วันที่ 25 ก.ย. 2562) โดยบริษัท TPN ดำเนินธุรกิจท่อขนส่งน้ำมันเส้นทางสระบุรี – ขอนแก่นระยะทาง 350 กิโลเมตร รวมถึงคลังน้ำมันขนาด 150 ล้านลิตรที่ขอนแก่นเพื่อรองรับการจัดส่งน้ำมันไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน (ครอบคลุมพื้นที่ 12 จังหวัด) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางและตอนใต้บางส่วน (ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด) โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จ 4Q64 ใช้เงินลงทุน 9.77 พันล้านบาท โดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระคาดว่าโครงการดังกล่าวจะมี NPV ราว 1.98-3.4 พันล้านบาท IRR อยู่ที่ 9.3-10.1% และมีระยะเวลาคืนทุนประมาณ 10 ปี(ไม่รวมเวลาก่อสร้างอีก 3 ปี)
  • 3Q62 จะเพิ่มสัดส่วนลงทุนใน BGT สู่ 100% ผ่านการแลกหุ้นและ รับรู้กำไรจากที่ BGT ขายหุ้นใน TPN ออก 43% : PSTC เตรียมออกหุ้นเพิ่มทุน 4,981 ล้านหุ้นหรือคิดเป็นสัดส่วน 42% ที่ราคา 0.86 บาท เพื่อแลกกับหุ้นที่เหลือของ BGT อีก 49% (จากปัจจุบันถือหุ้นอยู่ 51%) ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3Q62 และจะเริ่มรับรู้รายได้จาก BGT ทั้ง 100% ใน 4Q62 นอกจากนี้ BGT ได้ขายหุ้นในบริษัท TPN ออก 43% ให้ EGCO เป็นเงินรวม 2,901 ล้านบาท (ซึ่งคาดว่า PSTC จะบันทึกกำไรพิเศษก่อนภาษีราว 1.8-1.9 พันล้านบาท) ใน 3Q62 และจะเปลี่ยนสถานะ TPN จากบริษัทย่อยเป็นกิจการร่วมค้า ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงวิธีรับรู้รายได้จากงบรวมเป็นรับรู้ส่วนแบ่งกำไร
  • คาด 4Q62 COD โรงไฟฟ้าชีวภาพ 2 แห่งกำลังการผลิต 5.6 MW :

        บริษัทอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวภาพ 2 แห่ง โรงไฟฟ้าสระยายโสมกำลังการผลิต 4.6 MW และโรงไฟฟ้าขุนพัดเพ็งกำลังการผลิต 1 MW ตั้งอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี โดยใช้น้ำวีแนส(กากน้ำตาลคุณภาพสูง)จากกระบวนการผลิตของโรงงานน้ำตาลในการผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยหนุนให้กำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้วเพิ่มขึ้นจาก 30.2 MW สู่ 35.8 MW ส่งผลบวกต่อผลประกอบการในปี 2563 เป็นต้นไป

  • คาดกำไรสุทธิปี 2562 เติบโต 704% YoYจากการขายเงินลงทุนใน TPN 43% และคาดกำไรปกติปี 2563 เติบโต 10% YoY : ผลประกอบการ 1H62 อยู่ที่ราว 61 ล้านบาท เติบโต 10%YoY ซึ่งคิดเป็น 4% ของประมาณการ เนื่องจาก 3Q62 บริษัทได้มีการขายเงินลงทุนใน TPN ออก 43% ให้ EGCO เป็นเงิน 2,901 ล้านบาทและคาดว่าจะบันทึกเป็นรายได้อื่น 1.8-1.9 พันล้านบาท ขณะที่ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรสุทธิปี 2562 อยู่ที่ราว 1,637 ล้านบาทเติบโต 704% YoY และคาดกำไรปกติ 137 ล้านบาท เติบโต 61% YoY โดยกำไรปกติใน 2H62 จะได้รับแรงหนุนจากการดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าสระยายโสม และโรงไฟฟ้าขุนพัดเพ็งกำลังการผลิตรวม 5.6 MW ซึ่งคาดว่าจะ COD ในเดือนธ.ค.2562 นอกจากนี้คาดว่าโรงไฟฟ้าอรัญพาวเวอร์จะใช้กำลังการผลิตได้เพิ่มขึ้นหลังติดตั้งเครื่องจักรใหม่แล้วเสร็จช่วง 4Q62 และคาดว่าจะมีรายได้จากการก่อสร้างคลังน้ำมันราว 45 ล้านบาทเข้ามาใน 4Q62 (มูลค่าก่อสร้างรวม 1 พันล้านบาทระยะเวลา 22 เดือน)

         ปี 2563 คาดรายได้และกำไรอยู่ที่ราว 4.4 พันล้านบาทและ 159 ล้านบาทตามลำดับ -16% และ -90% ตามลำดับ หากเทียบกับกำไรปกติปี 2562 ที่ไม่รวมกำไรพิเศษจากการขาย TPN 43% รายได้และกำไรปี 2563 จะเติบโต 31% และ 10% ตามลำดับ โดยรายได้และกำไรปกติได้แรงหนุนจากการรับรู้โรงไฟฟ้าสระยายโสม โรงไฟฟ้าขุนพัดเพ็ง การเดินเครื่องโรงไฟฟ้าอรัญพาวเวอร์ได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และรับรู้รายได้ก่อสร้างคลังน้ำมันเพิ่มขึ้น

  • เริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ ที่ราคาเหมาะสมปี 2563 0.88 บาท : ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วยวิธี Sum of the part ราคาเหมาะสมธุรกิจโรงไฟฟ้าอยู่ที่ 0.13 บาทต่อหุ้น* (ประเมินด้วยวิธี DCF ที่ WACC 5.2%) ราคาเหมาะสมธุรกิจออกแบบและจัดหาและธุรกิจจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลวอยู่ที่ 0.11 บาทต่อหุ้น* (ประเมินด้วยวิธี P/E Ratio ที่ 14 เท่า) และราคาเหมาะสมธุรกิจท่อส่งน้ำมันไปภาคอีสานอยู่ที่ 0.64 บาทต่อหุ้น* (ประเมินด้วยวิธี DCF ที่ WACC 4.0% และ BGT ถือหุ้น TPN ในสัดส่วน 57%) ได้ราคาเหมาะสมปี 2563 ที่ 0.88 บาทต่อหุ้น* ซึ่งราคาปิดอยู่สูงกว่าราคาที่ประเมินได้ 11% จึงแนะนำ ซื้อโดยเรามองว่า PSTC เป็นหุ้น Growth Stock เนื่องจากโครงการท่อขนส่งน้ำมันไปภาคอีสานเป็นโครงการขนาดใหญ่และสร้างรายได้สม่ำเสมอในระยะยาวซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการในอนาคตของบริษัทหลัง 4Q64 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามเราคาดว่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.7-0.9%ต่อปีในปี 2562-2563 เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างช่วงการลงทุนในโครงการท่อขนส่งน้ำมันภาคอีสาน

ปัจจัยเสี่ยง

  1. การก่อสร้างท่อส่งน้ำมันไปภาคอีสานล่าช้า (กำหนดดำเนินการเชิงพาณิชย์ 4Q64)
  2. อัตราดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้อัตราคิดลดกระแสเงินสดเพิ่มขึ้น
  3. ปริมาณการใช้น้ำมันในภาคอีสานชะลอตัว