'สมคิด' ชี้แบงก์ชาติมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ย
เผยยากที่จะฝืนกระแสทิศทางเศรษฐกิจโลกและดอกเบี้ยขาลง ยอมรับบาทแข็งกระทบการส่งออก ลุ้นการประชุมจี 20 ที่ญี่ปุ่นเป็นจุดเปลี่ยนสงครามการค้านำไปสู่การเจรจากันมากขึ้น
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันว่าเศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าทั้งสหรัฐ ยุโรป ก็มีแนวโน้มที่จะปรับลดดอกเบี้ยหรือคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับที่ต่ำ รวมทั้งมีการคาดการณ์จากบางฝ่ายว่าอาจจะมีการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีกครั้ง จึงทำให้มีเม็ดเงินไหลออกจากประเทศต่างๆเข้ามาลงทุนในประเทศที่มีพื้นฐานเศรษฐกิจดีซึ่งไทยแม้จะยังมีความไม่แน่นอนทางการเมืองอยู่บ้างแต่ก็ถือว่าเป็น “Safe haven” จึงทำให้เงินไหลเข้ามาลงทุนทำให้ค่าเงินบาทแข็ง และตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ตนมองว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้มีความเป็นไปได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพราะแนวโน้มดอกเบี้ยในหลายประเทศมีแนวโน้มที่จะลดลง ธปท.คงฝืนกระแสไม่ได้ ขณะที่การแทรกแซงค่าเงินก็เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้เพราะสหรัฐฯก็จับตาดูเรื่องนี้อยู่
“ช่วงที่ผ่านมาเงินไหลเข้าเงินบาทแข็ง ตลาดหุ้นก็ขึ้น การส่งออกได้รับผลกระทบก็ต้องดูแลให้มีเสถียรภาพ ส่วนเรื่องดอกเบี้ยแบงก์ชาติคงฝืนกระแสไม่ได้แต่เขาก็เป็นหน่วยงานที่มีความเป็นอิสระ จะตัดสินใจปรับลดกี่ครั้ง ปรับลดเท่าไหร่ ก้าวก่ายไม่ได้หรอก แต่ก็ประเมินว่าเขาคงลดแน่นอน”นายสมคิด กล่าว
รองนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีว่าจะมีทิศทางการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นภายหลังจากที่มีรัฐบาลแล้ว แต่การส่งออกจะยังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า โดยจะต้องจับตาดูการประชุมผู้นำกลุ่ม G20 ที่เมืองโอซากาประเทศญี่ปุ่นช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งอาจจะมีการหารือกันระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ซึ่งอาจทำให้สงครามการค้าคลี่คลายลงได้