JMT - ซื้อ
กำไรสูงกว่าคาดจาก ROI ดีขึ้น...
กำไรสูงกว่าเราคาด 7%
JMT รายงานกำไรสำหรับไตรมาส 1/62 ที่ 145 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24%YoY และ 10% QoQ ผลประกอบการมากกว่าที่เราคาด 7% และมากกว่าตลาดคาด 12% จากอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่มากกว่าที่คาด เราคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ที่ 27% โดยบริษัทประกาศอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 29% อัตรากำไรไตรมาสแรกคิดเป็น 24% จากประมาณการกำไรปี 2562 ของเรา
ประเด็นหลักผลประกอบการ
รายได้รวมไตรมาส 1/62 อยู่ที่ 509 ล้านบาท เติบโต 27% YoY และ 1%QoQ หนุนโดยรายได้จากธุรกิจซื้อหนี้บริหารสูงขึ้นมาแตะ 419 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% YoY และ ทรงตัว QoQ โดยรายได้จากจากธุรกิจดังกล่าวมากว่าที่คาดเล็กน้อย ทั้งนี้ JMT สามารถเพิ่มการซื้อหนี้เสียจากบุคคลที่สามและสามารถบริหารจัดการหนี้สินดังกล่าวให้ได้ผลตอบแทนสูงขึ้น ดังนั้น สินเชื่อจากการซื้อหนี้เสียขยายตัว 30% YoY และ 8% QoQ มาอยู่ที่ 5.9 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2561เราคาดว่าจะอยู่เพียง 5.6 พันล้านบาท
โดยการหันมาซื้อหนี้เสียจำนวนมากบ่งชี้ว่ารายได้จากธุรกิจการปรับโครงสร้างหนี้เสียรับคืนอาจมากกว่า ประมาณการของเราในปีหน้า
ยอดการซื้อหนี้มาบริหารเพิ่มอย่างรวดเร็วมากทำให้ ROI ไตรมาส 1/62 จากธุรกิจการซื้อหนี้เสียมาอยู่ที่ 29.4 % เพิ่มขึ้นจาก 28.9% ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ลดลงจาก 30.6% ในไตรมาสที่ผ่านมา รายได้จากการรับจ้างตามหนี้ให้สถาบันการเงินเป็น 90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% YoYและ 4% QoQ อัตรากำไรขั้นต้น อยู่ที่ 62.2% เพิ่มขึ้น 62.1% ในช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว และ 55.9% ในไตรมาส 4/61
แนวโน้ม
เราคาดกำไรไตรมาส 2/62 จะเพิ่มขึ้น 20% YoY หนุนโดยรายได้จากการตามหนี้เสียที่ซื้อเข้ามามากขึ้นและยอดเบี้ยประกันชีวิตรับสุทธิที่ดีขึ้นและมีอัตราการเครมค่าสินไหมทดแทนลดลงจากปีก่อน
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เรายังคงประมาณการกำไรปี 2562 ที่ 615 ล้านบาท ซึ่งเราต้องการเข้าพบบริษัทก่อนทำการปรับประมาณการของเรา
คำแนะนำ
เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับหุ้น JMT เนื่องจากปัจจัยดังต่อไปนี้ 1) มีประสบการให้บริการติดตามหนี้และเก็บหนี้สำหรับลูกค้าธนาคารและลูกค้าที่ไม่ใช่ธนาคารนานกว่า 28 ปี, 2) ธุรกิจการบริหารจัดการหนี้ด้อยคุณภาพ (การซื้อหนี้ที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีถึง 95-96% สำหรับหนี้ไม่มีหลักประกัน และ มีอัตราส่วนลดมูลหนี้กว่า 30% ของหนี้ที่มีหลักประกัน)ด้วย ROI ที่เราคาดว่าจะอยู่ 24-25% ในปี 2562-63 และ 3) มีโอกาสในการเติบโตทั้งจากธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่เช่นประกันภัย ประกันสุขภาพและประกันชีวิตนอกเหนือจากจากการเติบโตของธุรกิจการติดตามและบริหารหนี้เสีย ปัจจุบันกิจการมีหนี้สินต่อส่วนทุนที่ 1.4เท่า (ต่ำกว่าเพนดานหนี้อยู่ที่ 3.0 เท่า) ซึ่งเรามองว่าเป็นแนวโน้มอัพไซด์ต่อประมาณการของเรา หาก JMT ซื้อหนี้เสียมาบริหารเพิ่มมากกว่าที่เราคาดที่ 7พันล้านบาทในปีนี้