TU - ซื้อ

TU - ซื้อ

อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2562

อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 1/62 ที่สูงกว่าคาดส่งผลให้เราทำการปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นและประมาณการกำไรสุทธิของเราสำหรับทั้งปี 2562 เพิ่มขึ้น เราเชื่อว่าอัตรากำไรขั้นต้นและแนวโน้มกำไรที่เพิ่มขึ้นจะยังคงต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 2-3/62 หนุนโดยต้นทุนราคาปลาทูน่าที่ผันผวนน้อยและมีเสถียรภาพมากขึ้น รวมถึงความสามารถในการปรับราคาขายกับลูกค้าได้มากขึ้น ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูป ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่แข็งและธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจะเป็นตัวผลักดันอัตราการเติบโตของยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นสำหรับในปี 2562 เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากอัตรากำไรขั้นต้นที่จะฟื้นตัวอย่างชัดเจนในปี 2562

สรุปผลประกอบการไตรมาส 1/62—กำไรสูงกว่าคาด

TU รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/62 ที่ 1.27 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 47%YoY และ 19% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษซึ่งได้แก่ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 86 ล้านบาท และรายการพิเศษอื่นๆ อีก 6 รายการในไตรมาส 1/62 ซึ่งบวกกลบออกมาเป็นกำไรพิเศษสุทธิ 256 ล้านบาท กำไรหลักในไตรมาสนี้อยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 763%
YoY แต่ลดลง 7% QoQ ทั้งนี้กำไรสุทธิและกำไรหลักสูงกว่าคาด 42%และ 28% ตามลำดับ เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าคาด ภาระภาษีจ่ายที่ต่ำกว่าคาด และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่สูงกว่าคาด อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 14.9% ในไตรมาส 1/62 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในหน้าที่ 4

ภาวะต้นทุนราคาปลาทูน่าในกรอบที่บริหารจัดการได้ตลอดทั้งปี2562

ผู้บริหารคาดกรอบต้นทุนราคาปลาทูน่าที่ 1,300-1,800 เหรียญต่อตันในปี 2562 ซึ่งถือว่าเป็นระดับราคาที่บริหารจัดการได้ดี และส่งผลให้การเจรจาหรือการปรับราคาขายกับลูกค้าทำได้ง่ายขึ้น ราคาปลาทูน่าไม่ควรจะเกิน 1,400 เหรียญต่อตันจนกว่าจะถึงเดือนก.ค. ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนก.ค.-ต.ค. เนื่องจากการห้ามใช้อุปกรณ์เข้มงวดในการจับ
ปลา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราไม่คาดว่าต้นทุนราคาปลาทูน่าจะสูงเกิน 1,800 เหรียญต่อตันถึงแม้ว่าราคาปลาทูน่าจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามฤดูกาลในช่วงไตรมาส 3/62 ก็ตาม เราคาดราคาปลาทูน่าเฉลี่ยที่ 1,540 เหรียญต่อตันสำหรับในปี 2562 ซึ่งถือว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสมสำหรับการฟื้นตัวของอัตราการทำกำไรของธุรกิจปลาทูน่าในปี 2562

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลักปี 2562 จากการปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น

บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายในรูปสกุลเงินบาทที่ 3-5%

สำหรับปี 2562 (ซึ่งต่ำกว่าเป้าเดิมที่ 5%) เนื่องจากค่าเงินยูโรและค่าเงินปอนด์เทียบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง เรามองว่าเป้าหมายใหม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับ TU เนื่องจากยอดขายในไตรมาส 1/62 ที่ออกมาทรงตัว YoY เรายังคงสมมติฐานแบบอนุรักษ์นิยมสำหรับอัตราการเติบโตของยอดขายที่ 1.2% ในปี 2562 และเนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 1/62 ออกมาที่ 14.9% เราจึงทำการปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นของเราสำหรับปี 2562 จาก 14.1% ไปเป็น 14.8% (ซึ่งถือว่าปรับขึ้นมาให้ใกล้เคียงกับเป้าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทสำหรับปี 2562 ที่ 15%) ส่งผลให้ประมาณการกำไรหลักของเราสำหรับปี 2562 ปรับเพิ่มขึ้นอีก 13% (ไปอยู่ที่ 5.39 พันล้านบาท) ราคาเป้าหมายของเราซึ่งอิงกับวิธี PEG ปรับเพิ่มขึ้นอีก 4% (ไปอยู่ที่ 23.5 บาท) ทั้งนี้เราได้คำนวณค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานเพิ่มอีก 100 วันเข้าไปในประมาณการกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 แล้ว เราเชื่อว่าอัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มสูงกว่า 15% ในช่วงไตรมาส 2-3/62ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นตามปัจจัยด้านฤดูกาล เราคาดกำไรหลักไตรมาส 2/62 ที่ 1.27 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% YoY และ 15% QoQ

เป้าหมายของเรดล็อบสเตอร์พลิกกลับมาเป็นบวกบรรทัดสุดท้ายในปี 2562

จำนวนผู้เข้าร้านของเรดล็อบสเตอร์และยอดขายนั่งทานในร้านเริ่มปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 1/62 ถึงแม้ว่ายอดขายรวมของเรดล็อบสเตอร์จะยังคงทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย YoY ก็ตาม ซึ่งเรามองว่าเป็นสัญญาณเชิงบวก ซึ่งผลการดำเนินงานของเรดล็อบสเตอร์ถือว่าทำได้ดีกว่าอุตสาหกรรมภัตตาคารในสหรัฐฯ ซึ่งยอดขายโดยรวมลดลง 2-3% YoY สำหรับในไตรมาส 1/62 เรามองว่าอัพไซด์ของ TU จะมาจากออเดอร์ที่จะไหลมาจากประเทศสหรัฐฯ ถ้าหากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนไม่สามารถเจรจาได้อย่างสำเร็จลุล่วง การรับรู้รายได้น้ำมันปลาทูน่าเข้ามาเต็มปีในปีนี้ และการรุกเจาะตลาดในประเทศจีนอย่างจริงจังจะเริ่มส่งผลให้เห็นอัตราการเติบโตรายได้ในประเทศจีนเพิ่มสูงขึ้น