'ชำนาญ' เชื่อไร้ปัญหา กกต.จ่อสอย 'ธนาธร' หลังรับรองให้เป็น ส.ส.
"ชำนาญ" เชื่อไร้ปัญหา กกต.จ่อสอย "ธนาธร" หลังรับรองให้เป็น ส.ส. มองเป็นคดีปกติที่มีการเมืองเอี่ยว ชี้เรื่องถึงศาลรธน. ต้องใช้มาตรฐาน ภรรยาดอน โอนหุ้นกิจการเอกชน
นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีรายงานข่าวจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมรับรองความเป็น ส.ส. ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค แม้การไต่สวนคุณสมบัติความเป็นผู้สมัคร ส.ส.จะยังมีข้อสงสัยต่อการถือครองหุ้นในกิจการสื่อมวลชน ว่า กรณีดังกล่าวมีความพยายามให้คดีปกติเป็นเรื่องของการเมืองเพื่อสกัดไม่ให้นายธนาธร เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร แต่ตนเชื่อว่า เมื่อ กกต.ตรวจสอบและส่งเรื่องไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณา เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาจนทำให้นายธนาธรต้องพ้นจากความเป็น ส.ส. เนื่องจากก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญ เคยมีคำวินิจฉัยกรณีคู่สมรสรัฐมนตรีถือหุ้นในกิจการเอกชน เกินร้อยละ 5 คือ กรณีที่นางนรีรัตน์ ปรมัตถ์วินัย ภรรยาของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เนื่องจากมีการโอนหุ้นดังกล่าวไปก่อนแล้ว ซึ่งในกรณีของนายธนาธร พบการโอนหุ้นทั้งหมดไปแล้วเช่นกัน
"เรื่องนี้ผมและพรรคอนาคตใหม่ไม่หนักใจกับการตรวจสอบที่จะเกิดขึ้น เพราะศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แม้ก่อนหน้านี้ศาลฎีกาจะเคยพิพากษาให้ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ขาดคุณสมบัติผู้สมัครส.ส.เพราะมีตำแหน่งในบริษัทก่อสร้างซึ่งมีวัตถุประสงค์พื้นฐานว่าจะทำกิจการที่เกี่ยวกับสื่อมวลชน ดังนั้นอาจจะนำมาพิจารณาเป็นเพียงรายงานประกอบเท่านั้น และเป็นกรณีที่เป็นคดีเฉพาะรายเท่านั้น ทั้งนี้ผมเชื่อว่าเมื่อเรื่องส่งสู่ศาลรัฐธรรมนูญอาจต้องใช้เวลาพิจารณาพอสมควร" นายชำนาญ กล่าว
นายชำนาญ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายทะเบียนพรรคอนาคตใหม่ปฏิเสธการรับสมัครเป็นสมาชิกพรรคของร้อยเอกทรงกรด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็มว่า กรณีดังกล่าวสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อนายธนาธร ได้ตามระเบียบของพรรค แต่ในเบื้องต้นพบว่าร้อยเอกทรงกรดนั้นมีความเป็นปฏิปักษ์กับพรรคอย่างชัดเจน กรณีที่เคยยื่นเรื่องให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ทั้งนี้ตามระเบียบของพรรคกำหนดว่าบุคคลที่จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคต้องมีอุดมการณ์เดียวกันกับพรรคและไม่มีประเด็นที่เป็นปฏิปักษ์ ดังนั้นเรื่องดังกล่าวขอให้พิจารณาในรายละเอียดอย่ามองเพียงแค่ประเด็นการสร้างกระแสของผู้ประสงค์จะยื่นสมัครเป็นสมาชิกพรรคเท่านั้น